รฟท. เปิดรับฟังความเห็นทีโออาร์ประมูล 6 สัญญารถไฟไทย-จีน รวมมูลค่ากว่า 5.4 หมื่นล้าน จับตากลุ่มทุนจีนผนึกกิจการร่วมค้าโกยงานเพิ่มหลังคว้า 2 สัญญาได้แล้ว ด้าน 5 สัญญาที่ประมูลช่วงก่อนนี้ยังพิจารณาคุณสมบัติไม่ลงตัว คาดลงนามสัญญาได้ครบทั้งหมดภายในปีนี้ มีลุ้นสัญญา 4-1 เหตุซ้ำซ้อนรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน
แหล่งข่าวระดับสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ภายใน 1-2 วันนี้ คาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดรับฟังความเห็นร่างเอกสารประกวดราคาทางเว็บไซต์โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย (ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ - นครราชสีมา) ระยะทาง 253 กม. อีก 6 สัญญาจากทั้งสิ้น 14 สัญญาที่จะประกาศประมูลด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ในครั้งนี้รวมราคากลางเป็นวงเงินทั้งสิ้นประมาณ 5.4 หมื่นล้านบาท
โดยทั้ง 6 สัญญา ประกอบไปด้วย สัญญาที่ 3-2 งานโยธาสำหรับอุโมงค์ (มวกเหล็กและลำตะคอง) ระยะทาง 12.2 กม.ราคากลาง 5,359 ล้านบาท สัญญา 3-3 งานโยธาช่วงบันไดม้า-ลำตะคอง ระยะทาง 26.1 กม. ราคากลาง 12,043 ล้านบาท สัญญาที่ 3-5 งานโยธาสำหรับช่วงโคกกรวด-นครราชสีมา ระยะทาง 12.3 กม. ราคากลาง 9,257 ล้านบาท สัญญาที่ 4-4 งานโยธาศูนย์ซ่อมบำรุงเชียงรากน้อย ราคากลาง 6,093 ล้านบาท สัญญาที่ 4-5 งานโยธาช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กม.ราคากลาง 11,801 ล้านบาท และสัญญาที่ 4-7 งานโยธาสำหรับช่วงสระบุรี-แก่งคอย ระยะทาง 12.9 กม.ราคากลาง 10,421 ล้านบาท
“คาดว่าจะทยอยประกาศรับฟังความเห็นครบทั้ง 6 สัญญาต่อเนื่องกันไป เช่นเดียวกับสัญญาต่างๆในช่วงที่ผ่านมา หลังจากนั้นหากมีความเห็นจะนำไปปรับปรุงและเสนอผู้ว่าการ รฟท. เร่งอนุมัติประกวดราคาต่อไป คาดว่าปลายปีนี้จะสามารถลงนามสัญญาได้ครบทั้งหมด”
ทั้งนี้ในส่วน 7 สัญญาในระยะที่ 1 นั้นรวมวงเงินงานโยธาประมาณ 1.2 แสนล้านบาทจากประมาณการวงเงินลงทุนรวมทั้งโครงการของระยะที่ 1 จำนวน 1.79 แสนล้านบาท โดยยังคงเหลือสัญญาที่ 4.1 งานโยธาช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ที่จะอยู่ในแนวเดียวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินซึ่งจะมีการหารือเรื่องกระบวนการก่อสร้างหลังจากที่มีการลงนามกับกลุ่มซีพีในรายละเอียดช่วงดังกล่าวนี้อีกครั้งก่อนเปิดประมูลเป็นสัญญาสุดท้ายของระยะที่ 1 นี้
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับสถานะโครงการของสัญญา 1-1 ช่วงกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม. ที่กรมทางหลวงได้รับมอบหมายให้ดำเนินการนั้น คาดว่างานโยธาจะแล้วเสร็จในเดือนกันยายนนี้ เช่นเดียวกับสัญญา 2-1 งานโยธาสำหรับช่วงสีคิ้ว-กัดจิก ระยะทาง 11 กม.ซึ่งบริษัท ศีวิล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ดำเนินการก่อสร้างได้เข้าพื้นที่ดำเนินการบางส่วนไปแล้ว
ในส่วน 2 สัญญาระยะทางรวม 44 กม. วงเงินลงทุนรวม 2.4 หมื่นล้านบาทจากจำนวน 5 สัญญา (ระยะทาง 144 กม. วงเงินรวม 58,427 ล้านบาท) ประกอบด้วยงานสัญญา 4-3 (งานโยธาช่วงนวนคร-บ้านโพ) ระยะทาง 23 กม. วงเงินกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งกลุ่มกิจการร่วมค้าที่ประกอบไปด้วย บริษัท ไชน่าสเตทคอนสตรัคชั่น เอ็นจิเนียริ่ง คอร์เปอเรชั่น จำกัด จากจีน ,บริษัทเนาวรัตนพัฒนาการ จำกัด(มหาชน) และบริษัทเอเอส แอสโซซิเอท เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เสนอราคาต่ำสุด 1.1 หมื่นล้านบาท และสัญญา 4-2 (งานโยธาช่วงดอนเมือง-นวนคร) ระยะทาง 21 กม. วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท กลุ่มกิจการร่วมค้าที่ประกอบไปด้วย บริษัท ซิโนไฮโดรจำกัด จากจีน ร่วมกับบริษัทสหการวิศวกร จำกัด และบริษัท ทิพากร จำกัด เสนอราคาต่ำสุด 8,600 ล้านบาท
ต่อมา รฟท. เปิดประมูลอีก 3 สัญญาที่เหลือประกอบไปด้วย 1.สัญญาที่ 3-1 (งานโยธาช่วงแก่งคอย-กลางดง และช่วงปางอโศก-บันไดม้า) ระยะทาง 30 กม. โดยกำหนดราคากลางไว้ที่ 11,386 ล้านบาท ผลปรากฏว่า มีผู้เสนอราคาจำนวน 6 รายจากผู้ซื้อทีโออาร์จำนวน 26 ราย พบว่ามีผู้เสนอราคาต่ำสุด 9,330 ล้านบาท 2.สัญญาที่ 3-4 (งานโยธาช่วงลำตะคอง-สีคิ้ว และช่วงกุดจิก-โคกกรวด) ระยะทาง 37 กม. ราคากลางกำหนดไว้ที่ 11,659 ล้านบาทมีผู้เสนอราคาจำนวน 6 ราย จากผู้ซื้อทีโออาร์ทั้งหมด 22 ราย พบว่ามีผู้เสนอราคาต่ำสุด 9,788 ล้านบาท และ 3.งานสัญญาที่ 4-6 (งานโยธาช่วงพระแก้ว-สระบุรี) ระยะทาง 31 กม. ราคากลางกำหนดไว้ที่ 11,170 ล้านบาทมีผู้เสนอราคาทั้งหมด 8 ราย จากผู้ซื้อทีโออาร์ทั้งหมด 24 ราย พบว่ามีผู้เสนอราคาต่ำสุด 9,429 ล้านบาท
“ทั้ง 5 สัญญาอยู่ระหว่างคณะกรรมการที่ รฟท. แต่งตั้งขึ้นมาเร่งพิจารณาคุณสมบัติ และเทคนิค วันนี้(19 มิ.ย.)พิจารณา 3 สัญญา คือ สัญญา 3-1, สัญญา 3-4 และสัญญา 4-6 ซึ่งล่าสุดนั้นยังต้องประชุมพิจารณาอีกครั้งเนื่องจากมีรายละเอียดจำนวนมาก ส่วนวันที่ 20 มิ.ย.จะพิจารณาอีก 2 สัญญา คือ สัญญา 4-2 และสัญญา 4-3 หลังจากที่ทราบราคาขั้นต่ำมาแล้วจากกรมบัญชีกลาง แต่ในส่วนของ 3 สัญญาหลังนี้ยังไม่ทราบชื่อบริษัทที่เสนอราคาขั้นต่ำเท่านั้นรู้เพียงว่ามีกี่รายที่ยื่นในสัญญาดังกล่าวจึงไปเปิดซองราคาในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อดูว่ารายใดเสนอราคาต่ำสุด ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่ารายที่เสนอราคาต่ำสุดอาจไม่ผ่านคุณสมบัติและเทคนิคก็ได้ โดยเมื่อทราบว่ารายใดเสนอราคาต่ำสุดครบทั้ง 5 สัญญาแรกจะเร่งนำเสนอผู้ว่าการ รฟท. และคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท. อนุมัติให้ลงนามต่อไป”