
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก กองทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง ว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.40 น. ได้เกิดเหตุหลังคาด่านเก็บเงินทางด่วนทางหลวงพิเศษ หมายเลข 7 พังถล่ม บริเวณด่านบางปะกง มุ่งหน้าพัทยา กรมทางหลวง จึงได้ปิดช่องการจราจร 1 ช่องทาง เบื้องต้นยังไม่มีรายงานผู้ได้บาดเจ็บ สำหรับสาเหตุที่หลังคาถล่ม กรมทางหลวงรายงานว่าเมื่อ เวลา 10.34 น. มีฝนตกหนักจึงเป็นเหตุให้หลังคาช่องเก็บเงินค่าผ่านทาง (Canupy) ตู้เก็บที่ 1, 2 พังลงมา
“ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นทางอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ได้สั่งการให้รองอธิบดี ทล. และรองผู้อำนวยการมอเตอร์เวย์ลงพื้นที่แก้ไขปัญหา และสอบสวนข้อเท็จจริง”
สำหรับสภาพทางที่จุดเกิดเหตุจะเป็นถนนคอนกรีต 6 ช่องทาง เข้าระบบ 3 ช่องทาง ออกจากระบบ 3 ช่องทาง ทางตรง สภาพทางดี ไม่มีหลุมบ่อ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงพานทอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางปะกง และเจ้าหน้าที่ฝ่ายบำรุงรักษาทรัพย์สินเข้าถึงจุดเกิดเหตุ หลังได้รับแจ้งจากด่านบางปะกง 2 เข้าตั้งกรวยปิดพื้นที่ที่ได้รับความเสียหาย เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน
คานสะพานลอยกลับรถพังครืน!
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า จากอุบัติเหตุคานสะพานลอยกลับรถ กม.34 ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ใกล้กับโรงพยาบาลวิภาราม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร หล่นทับรถยนต์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนั้น ทางนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้สั่งการด่วนให้ตนลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจสอบ และหาสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากการลงพื้นที่ พบว่า เหตุเกิดในวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2565 เวลาประมาณ 20.00 น. ถนนพระราม 2 ตอน สะพานข้ามแม่น้ำท่าจีน-นาโคก ที่ กม.34 บริเวณโครงการปรับปรุงสะพานกลับรถบริเวณใกล้กับโรงพยาบาลวิภาราม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ขณะที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่คุมงาน และคนงาน อยู่ระหว่างการเตรียมความเรียบร้อยพื้นที่เพื่อจะเทพื้นสะพานใหม่ หลังจากที่ได้ทุบพื้นสะพานช่วงที่ชำรุดเสียหายออกแล้ว ทันใดนั้นคานสะพานลอยตัวริมสุดได้ร่วงหล่นลงมาทับรถยนต์ที่สัญจรบนถนนพระราม 2 เป็นเหตุให้มีรถได้รับความเสียหายจำนวน 3 คัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย (ประชาชนในรถเกิดเหตุ เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย และเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย) ซึ่งได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำส่งโรงพยาบาลแล้ว ทั้งนี้ได้ปิดช่องจราจรช่องทางหลัก (ขาเข้า) โดยให้วิ่งทางคู่ขนานแทน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ทาง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากรมทางหลวงได้เน้นย้ำเรื่องมาตรการความปลอดภัยในระหว่างการก่อสร้างอย่างสูงสุด เพื่อไม่ให้ประชาชนผู้ใช้ทางได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ครั้งนี้นับเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่กรมทางหลวงจะต้องทบทวนและพิจารณามาตรการเสริมความปลอดภัยด้านต่าง ๆ เพิ่มเติมมากขึ้นในทุกมิติ เพื่อให้เกิดความมั่นใจก่อนจะเริ่มงานโครงการต่อไป

นายสราวุธ กล่าวต่อว่า กรมทางหลวง ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยในวันนี้ (1 ส.ค. 65) จะตั้งกรรมการตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง วิเคราะห์สาเหตุที่เกิดขึ้นโดยผู้วิศวกรผู้เชี่ยวชาญ ให้รายงานผลภายใน 14 วัน และให้ระงับการซ่อมแซมโครงสร้างสะพานกลับรถนี้ รวมทั้งปิดการจราจรช่องทางหลักขาเข้าไว้ก่อน จนกว่าจะมีความมั่นใจในความปลอดภัย และได้สั่งการให้ตรวจสอบ ขั้นตอนการทำงาน วัสดุชิ้นส่วนงานก่อสร้าง เครื่องมือเครื่องจักร และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ให้มีความพร้อม
ทั้งนี้ หากพบว่า ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่พร้อม ไม่ปลอดภัย ให้หยุดงานก่อสร้างทันที โดยเน้นย้ำให้ใช้มาตรการความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างอย่างสูงสุด ซึ่งมีกว่า 200 โครงการ ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันและไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ หรือผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อประชาชนผู้ใช้ทางขึ้นอีก ทั้งนี้กรมทางหลวงพร้อมที่จะรับผิดชอบเยียวยาให้กับผู้ประสบเหตุอย่างเต็มที่ และขออภัยประชาชนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้
สำหรับสะพานกลับรถบนทางหลวงหมายเลข 35 หรือถนนพระราม 2 ที่ กม.34 (สะพานกลับรถบริเวณใกล้ รพ.วิภาราม) ก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2536 ซึ่งได้ใช้งานมาเป็นระยะเวลานานเกือบ 30 ปี จึงมีความจำเป็นต้องบูรณะซ่อมแซมสะพาน โดยเริ่มเข้าซ่อมแซมสะพานตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา กำหนดแล้วเสร็จในเดือนสิงหาคม 2565 ประกอบด้วยการทุบรื้อพื้นสะพานและเปลี่ยนพื้นใหม่ จำนวน 2 ช่วง งานสกัดโครงสร้างสะพานที่เสียหาย ส่วนที่อยู่บนคานคอนกรีตอัดแรง รวมทั้งบริเวณพื้นที่ส่วนของทางขึ้นทางลง เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะใช้งานได้อย่างแข็งแรงปลอดภัย เพิ่มประสิทธิภาพในการกลับรถขาเข้าบนถนนพระราม 2