คณะกรรมาธิการที่ดินฯ ลงพื้นที่ อ.แม่เมาะ รับฟังปัญหาพร้อมเร่งรัดการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินราษฎรอพยพ พบ กฟผ. ได้มีการส่งคืนหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้หน่วยงานราชการได้นำไปจัดสรรเพื่อการอพยพ ตั้งแต่ปี 2550 แล้ว ด้าน ผวจ.ลำปาง สั่งตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
คณะกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายอภิชาติ ศิริสุนทร ประธานคณะกรรมาธิการ ลงพื้นที่ร่วมประชุมและรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินแปลง รองรับการอพยพของประชาชนรอบโรงไฟฟ้าแม่เมาะ และผลกระทบจากการดำเนินกิจการโรงไฟฟ้า เหมืองถ่านหินลิกไนต์ และเหมืองแร่หินปูน โดยมี นายจำลักษ์ กันเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดปาง นายพนมพร ตุ้ยกาศ นายอำเภอแม่เมาะ นายประจวบ ดอนคำมูล ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ ผู้แทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมให้ข้อมูล รวมถึงภาคประชาชน นำโดย นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ และประชาชนกว่า 1,000 คน เข้าร่วมติดตามการประชุมบริเวณเต็นท์รับรอง ผ่านการถ่ายทอดสัญญาณสดผ่านกล้อง CCTV จากห้องประชุม ณ องค์การบริหารส่วนตำบลสบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ภายหลังการประชุม คณะกรรมาธิการ เดินทางลงพื้นที่บ้านเวียงหงส์ล้านนา หมู่ที่ 12 ต.แม่เมาะ และบ้านใหม่ฉลองราช หมู่ที่ 8 ต.สบป้าด เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2565
นายอภิชาต ศิริสุนทร เปิดเผยถึง การลงพื้นที่รับฟังปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ทำให้ทราบว่า กฟผ. ได้มีการส่งคืนหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (พื้นที่บ้านใหม่ฉลองราช) ต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เพื่อให้หน่วยงานราชการได้นำไปจัดสรรเพื่อการอพยพตั้งแต่ปี 2550 ดังนั้น กฟผ. จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพื้นที่ป่าแล้ว ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง จึงได้เร่งดำเนินการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิพื้นที่รองรับการอพยพบ้านเวียงหงส์ล้านนา หมู่ที่ 12 ต.แม่เมาะ และบ้านใหม่ฉลองราช หมู่ที่ 8 ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง โดยมีการลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวประกอบด้วย ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กฟผ. รวมถึงตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน มีอำนาจหน้าที่ติดตามและเร่งรัดผลการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิในที่ดิน รวมถึงรายงานผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องให้จังหวัดทราบทุก 2 เดือน
“สำหรับความคืบหน้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้เร่งดำเนินการรังวัดขอบเขตพื้นที่อพยพพร้อมเอกสารสิทธิ์ที่ดินให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน จากนั้นจะส่งเรื่องไปยัง ทส. เพื่อพิจารณาเพิกถอนพื้นที่ป่า และทางกรรมาธิการ ฯ ชุดนี้จะติดตามความคืบหน้าอีกครั้งในอีก 3 เดือนข้างหน้า หากยังไม่มีความก้าวหน้า จะทำหนังสือเชิญปลัด ทส และปลัดกระทรวงพลังงาน ให้เข้ามาชี้แจงต่อไป” นายอภิชาติ ศิริสุนทร กล่าวเพิ่มเติม
นายประจวบ ดอนคำมูล ผู้แทน กฟผ. กล่าวว่า การอพยพราษฎรมีการดำเนินการมาเป็นลำดับ ซึ่งมติ ครม. ของการอพยพแต่ละครั้งก็จะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด วิธีการปฏิบัติก็จะแตกต่างกัน โดย กฟผ. ได้ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การอพยพครั้งที่ 6 เมื่อปี 2549 นั้น ระบุว่า “รัฐจะเป็นผู้จัดหาพื้นที่รองรับการอพยพให้” กฟผ. จึงส่งคืนพื้นที่ป่า ที่ได้รับการอนุญาตใช้ประโยชน์คืนให้กับกรมป่าไม้ เพื่อให้ทางรัฐนำไปจัดสรรให้กับราษฎรผู้อพยพ มีผลโดยสมบูรณ์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 ดังนั้น ประเด็นข้อกังวลเรื่อง กฟผ. หมดสัญญาเช่าพื้นที่กับป่าไม้ในเดือนสิงหาคม 2565 แล้ว ชาวบ้านจะถือว่ารุกป่านั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากเป็นที่ดินที่รัฐเป็นผู้จัดสรรให้เพื่อการอพยพอยู่แล้ว
พร้อมทั้งยังมีข้อกังวลของประชาชน ด้านการดูแลป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จากการดำเนินงานของ กฟผ. โดยก่อนการดำเนินงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้า และการทำเหมืองแม่เมาะ กฟผ. จะต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นชาวแม่เมาะ เกี่ยวกับข้อคิดเห็นและสอบถามข้อห่วงกังวลของโครงการ รวมทั้งผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อม อย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และประเด็นห่วงกังวลมากำหนดเป็นมาตรการเพิ่มเติมในการจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ EHIA และ EIA เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่อย่างแท้จริง พร้อมทั้ง กฟผ.ยังมีช่องทางให้กับประชาชนได้มีโอกาสร้องเรียน เพื่อนำข้อเรียกร้องดังกล่าวมาแก้ไขร่วมกันอีกด้วย
นอกจากนี้ ในแต่ละปีจะมีการจัดสรรงบประมาณ ทั้งกองทุนพัฒนาไฟฟ้าปีละกว่า 300 ล้านบาท จัดสรรให้ตามที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำหนดงบประมาณของ กฟผ. ที่สนับสนุนชุมชนทั้งเรื่องศิลปวัฒนธรรม การพัฒนาพื้นที่ร่วมกับชุมชน ตำบลละ 5 ล้านบาท ดำเนินการตามที่ได้ทำข้อตกลงกันทุกปี