เผยชมรมผู้ประกอบการกล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวีภาคพื้นดินทั่วประเทศดิ้นหนีตาย ร้องขอความช่วยเหลือ ”บิ๊กตู่” ด่วนจี๋ หลังผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล กับ กสทช. วงในชี้เทคโนโลยีเปลี่ยน เหตุเจ๊งระนาว
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 62 ที่ผ่านมา นายสมชาย เปรื่องวิริยะ ชมรมผู้ประกอบการกล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวีภาคพื้นดิน 2558 ได้ยื่นหนังสือแจ้งร้องทุกข์ถึงความเดือดร้อน จากรณีที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลกับสำนักงาน กสทช. ตั้งแต่ปี 2557 ที่ผ่านมา ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทางช่องทางศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีนายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนผู้รับเอกสารเปิดผนึกถึงท่านนายกรัฐมนตรี
โดยสาระสำคัญของหนังสือได้อ้างถึงมติที่ประชุมของ กสทช. เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2557 ซึ่งมีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้แจกคูปองมูลค่า 690 บาท เพื่อสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล จำนวน 22.9 ล้านครัวเรือน โดยมอบหมายให้ กสทช. จัดทำหลักเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติของบริษัทที่จะเข้าร่วมโครงการฯ และประกาศเชิญชวนผู้ประกอบการต่างๆ ให้เข้าร่วมดำเนินการโครงการฯ นั้น
ต่อมาได้มีบริษัทฯ ต่างๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการฯดังกล่าวเป็นจำนวนมาก อันจะเห็นได้จากประกาศรายชื่อบริษัทฯผู้ผ่านคุณสมบัติเป็นจำนวนมาก และบริษัทผู้เข้าร่วมต่างร่วมกันผลิตหรือนำเข้ากล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวีเป็นจำนวนมากเพื่อสนับสนุนโครงการดังกล่าวให้บรรลุถึงเป้าหมายจำนวน 22.9 ล้านครัวเรือน โดยผลิตหรือนำเข้ากล่องรับสัญญาณฯ ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่ กสทช. กำหนด และซื้อสติ๊กเกอร์เข้าร่วมโครงการที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันการดำเนินงานโครงการดังกล่าวผ่านมาเป็นระยะเวลามากกว่า 4 ปี ทาง กสทช. ได้ดำเนินการแจกคูปองหรือสิทธิ์ในการรับแลกกล่อง ดังนี้
โครงการในระยะแรก เป็นจำนวน 13.57 ล้านคูปอง ประชาชนมาใช้สิทธิ์ จำนวน 8.72 ล้านคน โครงการในระยะที่สอง เป็นจำนวน 3.98 ล้านคูปอง ประชาชนมาใช้สิทธิ์ ประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งจำนวนรวมที่ กสทช. แจกคูปองทั้งสิ้น 17.55 ล้านใบ คงเหลือจำนวนที่ กสทช. ต้องแจกเพิ่มเติมอีก 5.35 ล้านครัวเรือน ตามมติของคณะกรรมการฯ ที่จะสนับสนุนประชาชนจำนวน 22.9 ล้านครัวเรือน
จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้มีจำนวนสินค้าคงคลังของผู้เข้าร่วมโครงการเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก สืบเนื่องจากรูปแบบและขั้นตอนในการรับแลกกล่องดิจิตอลทีวีมีความซับซ้อน ผู้ประกอบการต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการดำเนินการตรวจสอบสิทธิ์ผู้ขอใช้สิทธิ์และรับแลก ซึ่งในข้อเท็จจริง พบว่า การตรวจสอบสิทธิ์ส่วนใหญ่เป็นผู้ไม่มีสิทธิ์ได้รับแลก ดังนั้น การเข้าถึงผู้มีสิทธิ์รับกล่องดิจิตอลทีวีตามที่ กสทช. กำหนด กระทำได้ยาก มีค่าใช้จ่ายสูงมากในการดำเนินงานเพื่อให้สามารถรับแลกกับผู้ได้รับสิทธิ์ทั้งหมด จึงเกิดเป็นปัญหาใหญ่ของทุกๆ บริษัท ยากที่จะดำเนินการรับแลกให้ครบครัวเรือนตามโครงการระยะที่ 2
อย่างไรก็ดี ชมรมฯ ได้รับทราบปัญหาและพยายามหาทางแก้ปัญหาและผลักดันโครงการดังกล่าวให้ขับเคลื่อนต่อไป เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์โครงการของ กสทช. มาโดยตลอด และได้เสนอแนวทาง ตลอดจนติดตามแผนงานโครงการในระยะต่อไป รวมถึงได้ทราบว่า หน่วยงานราชการที่เป็นทั้งอาคารและบ้านพักอาศัย ตลอดจน ประชาชนผู้ไม่ได้ใช้สิทธิ์ในระยะที่ 1 จำนวนมากต่างได้รับผลกระทบจากการยุติการออกอากาศโทรทัศน์ในระบบอนาลอกที่ผ่านมา ประสงค์อยากรับกล่องรับสัญญาณดิจิทัลทีวี แต่ไม่สามารถขอรับสิทธิ์ได้ในระยะที่ 2 ซึ่งสำนักงาน กสทช. ปัจจุบันยังไม่มีหนังสือตอบกลับหรือชี้แจงแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนให้แก่บริษัทผู้ประกอบการแต่อย่างใด
ดังนั้น เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น ชมรมฯ ได้ขอนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการแบกภาระสต๊อกสินค้าดังกล่าว ดังนี้
1. ร้องขอนายกรัฐมนตรี ได้ให้การสนับสนุนหน่วยงาน ปปท. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ) ซึ่งได้ทราบเรื่องร้องทุกข์ จากชมรมฯ เพื่อดำเนินงาน ประสานงานกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหรือคณะรัฐบาล เพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแล กสทช. ได้ให้การสนับสนุน กสทช. ให้สามารถดำเนินการโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลได้ครบจำนวน 22.9 ล้านครัวเรือนโดยเร็ว เพื่อบรรเทาภาระต้นทุนและค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการฯที่ได้ดำเนินการเตรียมสต๊อกสินค้าภายหลังการซื้ออากรเพื่อนำสินค้าเข้าร่วมโครงการฯ กับ กสทช.
2. ขอเสนอให้ กสทช เป็นผู้ดำเนินการรับซื้อจากผู้ประกอบการกล่องฯที่ได้เข้าร่วมโครงการเริ่มแรกและยังคงเหลือสต็อกที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับ กสทช. โดย กสทช. เป็นผู้ดำเนินการแจกกล่องดิจิทัลทีวีดังกล่าว โดยตรงไปยังหน่วยงานราชการ หรือครัวเรือนผู้รับชมโทรทัศน์กลุ่มเป้าหมาย ที่มีรายได้น้อย ตลอดจนครัวเรือนผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ในระบบดิจิทัลภาคพื้นดิน ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบหลังการขายให้แก่หน่วยงานหรือผู้ได้รับกล่องดิจิทัลทีวีเท่านั้น เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและสามารถนำจ่ายได้ครบถ้วนและรวดเร็ว
3. ร้องขอนายกรัฐมนตรี ประสานงานกับ คสช. และหรือคณะรัฐบาล เพื่อให้สามารถออกมาตรการ คำสั่ง หรือกฎหมายเพิ่มเติมจากคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 4/ 2562 เรื่อง มาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการกล่องดิจิทัลที่วีภาคพื้นดิน ที่ได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนประชาชนในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การรับชมโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล กับ กสทช. ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งบริษัทผู้เข้าร่วมต่างร่วมกันผลิตหรือนำเข้ากล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวีเป็นจำนวนมาก มีภาระแบกต้นทุนและค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากในการสนับสนุนโครงการดังกล่าวให้บรรลุถึงเป้าหมาย จำนวน 22.9 ล้านครัวเรือน โดยผลิตหรือนำเข้ากล่องรับสัญญาณฯ ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่ทาง กสทช.กำหนด และซื้อสติ๊กเกอร์เข้าร่วมโครงการที่เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวมาเป็นเวลานานมากกว่า 4 ปี
ทั้งนี้ภายหลังการยื่นหนังสือดังกล่าว นายสมพาศ นิลพันธ์ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เชิญตัวแทนชมรมผู้ประกอบการกล่องดิจิตอลทีวีภาคพื้นดิน 2558 และตัวแทน กสทช. เข้าห้องประชุม เพื่อสอบถามและรับทราบเรื่องราวร้องทุกข์และข้อเสนอจากผู้ประกอบการกล่องดิจิทัลทีวีภาคพื้นดิน โดยในที่ประชุม นายสมพาศ นิลพันธ์ แจ้งให้ตัวแทนชมรมผู้ประกอบการกล่องดิจิตอลทีวีภาคพื้นดิน 2558 ทราบว่า ทางศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล จะทำหนังสือแจ้งถึงนายกรัฐมนตรีให้ทราบเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าว และแจ้งให้ตัวแทน กสทช. รับคำร้องดังกล่าว ไปรายงานที่ประชุมคณะกรรมการ กสทช. เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือและตอบกลับมายังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีว่า สามารถรับข้อเสนอจากชมรมผู้ประกอบการกล่องดิจิตอลทีวีภาคพื้นดิน 2558 ได้หรือไม่อย่างไร
“นายสมพาศ แจ้งให้ชมรมฯ ทราบว่า เรื่องร้องทุกข์ดังกล่าว ทางหน่วยงานฯจะเป็นผู้รับเรื่องโดยตรงและจะทำหนังสือแจ้งประสานเรื่องดังกล่าวไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น กสทช .และ คสช. ต่อไป โดยขอให้ชมรมฯ และคณะฯ รอคอยและติดตามเรื่องนี้ต่อไป”
แหล่งข่าวในวงการทีวีดิจิทัล รายหนึ่งให้ความเห็นว่า กรณีที่โครงการแจกกล่องทีวีดิจิทัลไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ประชาชนหันไปรับชมทีวีผ่านแฟลตฟอร์มใหม่ เช่น รับชมทีวีบนมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆแทน รวมถึงเงื่อนไขการรับกล่องรับชมทีวีดิจิทัล มีความยุ่งยาก มีค่าใช้จ่ายตามมา เป็นต้น