สสส. จับมือเครือข่ายถกปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า หลังยักษ์บุหรี่นอก เดินเกมทุกวิถีทางเปิดตลาดในไทย ยันอันตรายไม่ต่างบุหรี่จริง แถมเสพติดแล้วเลิกยากยิ่งกว่า ขณะ สคบ. รุกรัฐงัดกฎหมายฟอกเงินเล่นงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ร่วมกับสำนักงานผลการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้จัดโฟกัสกรุ๊ป เรื่อง "สารปมบุหรี่ไฟฟ้า...หลากปัญหารอวันแก้ไข"
โดย ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ในปัจจุบันกฎหมายไทยกำหนดให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้าม ทั้งการนำเข้า จำหน่ายหรือให้บริการ โดยข้อมูลล่าสุดในปี 64 มี 32 ประเทศทั่วโลกที่ประกาศใช้กฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าจากที่ปี 57 มีเพียง 13 ประเทศเท่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า ทั่วโลกตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าเ พราะมีข้อมูลที่ชัดเจนว่า เด็กมัธยมปลายในสหรัฐฯ สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 1.5% ในปี 54 เป็น 19.6% ในปี 63 ขณะที่ในนิวซีแลนด์เด็กอายุ 14-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจาก 1.9% ในปี 60 เป็น 9.6% ในปี 64 ส่วนประเทศไทยนั้นมีรายงานว่า เด็กมัธยมต้นอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 3.3% ในปี 58 เป็น 8.1% ในปี 64
*อัดข้อมูลบริษัทบุหรี่บิดเบือน
ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ระบุด้วยว่า รายงานทางการแพทย์และข้อมูลขององค์การอนามัยโลกรายงานทางการแพทย์และข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า พิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีความรุนแรงมากกว่าบุหรี่ธรรมดา เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้สูบโดยตรง ยังส่งผลทำให้การควบคุมยาสูบของประเทศโดยรวมแย่ลง เพราะมีข้อมูลที่ยืนยันชัดแจ้งว่าบุหรี่ไฟฟ้านั้น ทำให้การควบคุมยาสูบแย่ลง มีแนวโน้มที่ผู้คนจะกลับมาสู่เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ งานวิจัยเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลกส่วนใหญ่ต่างระบุว่า ไม่เพียงจะเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดและระบบทางเดินหายใจ เพราะละอองลอยมีสารโลหะหนักหลายชนิด เช่น เหล็ก ทองแดง นิกเกิ้ล สังกะสี โครเมี่ยมและตะกั่ว ที่เป็นสารกระตุ้นให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดแล้ว
ข้อมูลยังพบด้วยว่า ยังมีสารนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นอันตรายต่อการพัฒนาการของสมองเด็กและวัยรุ่น โดยบุหรี่ไฟฟ้าหลายยี่ห้อมีสารนิโคตินเท่ากับสูบบุหรี่ 20 ม้วน และบางยี่ห้อเท่ากับสูบบุหรี่ถึง 50 มวนเลยทีเดียว
ส่วนข้ออ้างของบริษัทบุหรี่ ที่อ้างว่าบุหรี่ไฟฟ้า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการเลิกสูบบุหรี่ และกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ได้เปิดตลาดให้กับบุหรี่ไฟฟ้าแล้วนั้น ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต กล่าวว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เป็นการให้ข้อมูลที่บิดเบือน เพราะบุหรี่ไฟฟ้ายังคงมีสารนิโตดินในปริมาณที่เข้มข้น จึงไม่มีทางที่จะเลิกได้ ตรงกันข้ามกลับจะทำให้เสพติดมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะนิโคตินติดแล้วเลิกยาก อีกทั้งในบุหรี่ไฟฟ้าส่วนใหญ่มีการใส่สารปรุงแต่งกว่า16,000 ชนิดที่มีส่วนยั่วยวนให้เยาวชนหลงไหลจนกลายเป็นการติดบุหรี่ไปโดยปริยาย
"แม้แต่บุ่หรี่ไฟฟ้าชนิดแห้ง ที่ไม่ได้ใช้น้ำยาหรือสารเคมีสังเคราะห์นิโคตินขึ้นมา แต่นำเอาใบยาสูบไปบดและสกัดและเติมสารบางอย่างก่อนมวนเป็นบุหรี่และใช้เครื่องควบคุมอุณหภูมิเพื่อระเหยนิโคตินออกมาก็ยังคงมีโลหะหนักในสารปรุงแต่งอีกนานาชนิดประกอบอยู่ด้วย"
ขณะที่ข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ก็ไม่เคยรับรองให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ช่วยเลิกบุหรี่แต่อย่างใด หลายประเทศที่เปิดให้บุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปทำตลาด เริ่มกลับมาห้ามการนำเข้าเพิ่มขึ้นจนเวลานี้มีถึง 32 ประเทศแล้ว บางประเทศที่แม้จะเปิดให้เข้าไป แต่ก็มีการจำกัดและตั้งเงื่อนไขในเรื่องการห้ามสารปรุงแต่ง หรือต้องไม่มีสารนิโคตินอยู่ในบุหรี่ไฟฟ้าที่ว่านั้น
"ที่สำคัญสิ่งที่องค์การอนามัยโลกระบุชัดเจน ปัญหาใหญ่ของบุหรี่ไฟฟ้า ก็คือ ทำให้เด็กที่ไม่เคยสูบบุหรี่เข้ามาสูบบุหรี่ไฟฟ้า และเด็กที่เริ่มต้นสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงที่จะสูบบุหรี่ธรรมดาตามมา 2-4 เท่าตัว"
*พกพาบุหรี่ไฟฟ้าผิด แต่คดีจิ๊บจ๊อย!
ด้าน นายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผู้อำนวยการส่วนบังคับคดีหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า บทบาทของ สคบ. ต่อการดำเนินคดีนั้น แทบจะเป็นหน่ยงานแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุแล้ว โดยอาศัยคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ 9/58 เรื่องห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้าบารากู่ บารากุไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมุ่งไปที่ผู้ขายหรือให้บริการ
นอกจากนั้น ผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้ายังมีความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ ที่กำหนดให้ "บารากู่" และบารากุไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ 2557 ทั้งยังมีความผิดตาม พ.ร.บศุลกากร ปี 2560 มาตรา 244 ที่ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในส่วนผู้ครอบครอง พกพา หรือรับฝากไว้ แม้จะไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรโดยตรง แต่จะมีความผิดฐานช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย นำพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ โดยประการใดซึ่งสิ่งของที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร โดยมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
อย่างไรก็ตาม ผู้ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.กฎหมายศุลกากรนั้น สามารถจะขอยุติคดี โดยยินยอมให้เจ้าหน้าที่ริบของและจ่ายค่าปรับ 4 เท่าของราคาสินค้าเท่านั้น เป็นอันจบหากสินค้ามีราคา 100 บาท ก็จ่ายแค่ 400 บาท คดีอาญาเป็นการจบ ไม่ได้มีโทษอื่นแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นในเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง กับดาราสาวไต้หวันนั้น ก็คงเป็นเรื่องที่ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
ยังไงก็ดีในส่วนของการปราบปราม และสกัดกั้นการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้านั้น ทาง สคบ.ไม่มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะใช้ พ.ร.บ.การฟอกเงิน มาดำเนินการกับผู้นำเข้าที่มีอยู่ไม่กี่ราย เพราะฐานความผิดของการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรนั้น อยู่ในฐานตามกฎหมายฟอกเงินอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมีการขายบุหรี่ไฟฟ้าทางออนไลน์ผ่านเว็บต่างๆ กว่า 7,000 เว็บ ซึ่งที่ผ่านมา สคบ. อยู่ระหว่างประสานกับทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงดีอีเอส เพื่อดำเนินการปิดเว็บจำหน่ายออนไลน์เหล่านี้
"การออกข่าวจากบริษัทบุหรี่ที่ว่าปัจจุบันมีกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ที่ให้บุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปทำตลาดอย่างถูกกฎหมาย แต่กลับไม่บอกความเป็นจริงต่อประชาชนว่า ประเทศเหล่านั้นไม่มีการอนุญาตให้มีสารปรุงแต่งเข้าไป แต่ที่พยายามนำเข้ามาขายในประเทศไทยนั้น มีทั้งโลหะหนัก นิโคติน และสารปรุงแต่งอีกสารพัด จึงเป็นเรื่องที่เรายอมไม่ได้"