มหากาพย์กรณีปล่อยกู้เงินก้อนโต 9,900 ล้านบาทให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่กำลังกลับมาอื้อฉาวอีกครั้ง
โดยเฉพาะการขุดคุ้ย ”เอกสารลับ” ลายเซ็นต์คณะกรรมการบริหารหรือบอร์ดแบงก์กรุงไทย ทั้ง 5 คน ที่ลงมติร่วมอนุมัติปล่อยกู้ โดยมีการลงลายเซ็นต์กำกับชัดเจน จนทำให้บิ๊กเนมในบอร์ดแบงก์กรุงไทยและพนักงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ถูกคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาให้ติดคุก!
แต่ผู้บริหารบอร์ดแบงก์กรุงไทย 2 ราย คือ “นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ กับนายอุตตม สาวนายน” กลับรอดพ้นประตูคุกอย่างหวุดหวิด แต่ขณะนี้กำลังถูกหลายฝ่ายออกมาตีแผ่เรื่องดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่นายอุตตม จะก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ขุนคลังคนใหม่!
ล่าสุด คนที่ย้อนเกล็ดในเรื่องนี้ได้เจ็บแสบที่สุด เห็นจะไม่มีใครเกิน “วันชัย บุนนาค” ทนายความอิสระ และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ ที่ระบุว่า..
ในฐานะภาคประชาชนและนักกฎหมายที่ติดตามคดีทางการเงิน ขอยืนยันว่า ไม่มีความสามารถใดๆ ไปปิดเบือนข้อเท็จจริง และไม่มีความสามารถหรืออำนาจใดๆ ไปพิพากษา เพราะศาลฎีกาพิพากษาแล้วว่ากรรมการบริหารที่อนุมัติสินเชื่อผิดจริง ซึ่งนายอุตตม สาวนายน เป็นหนึ่งในกรรมการด้วย
"คำพิพากษาของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีหมายเลขดำที่ อม.3/2555 คดีหมายเลขแดงที่ อม.55/2558 วันที่ 26 สิงหาคม 2558 มีข้อเท็จจริงระบุชัดในหน้าที่ 9 ความว่า "จำเลยที่ 2 ถึงจำเลยที่ 4 , นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์, นายอุตตม สาวนายน เป็นคณะกรรมการบริหารมีอำนาจพิจารณาอนุมัติสินเชื่อทุกประเภท ที่มีวงเงินเกินกว่า 2,000 ล้านบาท" ชัดๆ ตามคำพิพากษา หน้าที่ 9
ข้อเท็จจริงชัดๆ ว่า กรณีของนายอุตตม สาวนายน เกี่ยวข้องเป็นกรรมการบริหารที่ร่วมพิจารณาปล่อยสินเชื่อธนาคารกรุงไทย แก่ บริษัท โกลเด้นฯ และกลุ่มกฤษดามหานคร เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2546 วงเงิน 8,000+500+1,400 รวม 9,900 ล้านบาท และที่สำคัญในส่วนวงเงิน 8,000 ล้านบาทนั้น เป็นวงเงินเพื่อการชำระหนี้คืนธนาคารกรุงเทพในฐานะเจ้าหนี้เดิม ไม่ปรากฏข้อความใดๆ ว่า กรรมการบริหารท่านใด ไม่เห็นด้วยกับการปล่อยสินเชื่อให้แก่ บริษัท โกลเด้นฯ และกลุ่มกฤษดามหานคร แม้แต่ท่านเดียว นั่นหมายความว่า "มีมติปล่อยสินเชื่อทั้ง 5 คน และนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ และนายอุตตม สาวนายน ก็คือกรรมการบริหารชุดนี้ชุดที่มีมติปล่อยสินเชื่อด้วย" ส่วนนี้ก็ไม่มีใครบิดเบือนใดๆ ทั้งสิ้น
ประการสำคัญ คือ คำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าวหน้าที่ 50, 51 วินิจฉัยไว้ชัดเจนว่า คณะกรรมการบริหารอนุมัติสินเชื่อให้แก่จำเลยที่ 19 คณะกรรมการบริหารมีเจตนาช่วยเหลือจำเลยที่ 19 โดยมิได้รักษาผลประโยชน์ของธนาคารผู้เสียหาย จึงมีความผิด หมายความว่า ศาลฎีกาตัดสินว่า การกระทำของคณะกรรมการบริหารนั้นเป็นความผิดต่อกฎหมาย
กรรมการทั้ง 5 คน ได้อนุมัติสินเชื่อ หากนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ และนายอุตตม สาวนายน ไม่เห็นด้วย แล้วไม่อนุมัติสินเชื่อ 9,900 ล้านบาทนั้น บริษัท โกลเด้นฯ ก็จะเบิกเงินกู้ไม่ได้ ซึ่งนี่คือข้อเท็จจริงชัดเจน ไม่มีใครบิดเบือน
เมื่อศาลฎีกาตัดสินแล้วว่าทำผิด นายชัยณรงค์ และนายอุตตม ก็ต้องเป็นผู้กระทำผิดด้วย หากนายอุตตม ไม่เห็นด้วยคนเดียว ก็ปล่อยเงินกู้และเบิกเงินกู้ไม่ได้
จากเอกสารการประชุม ครั้งที่ 48/2546 (527) วันที่ 9 ธ.ค. 2546 กรรมการบริหาร 5 คน พิจารณามีมติปล่อยสินเชื่อแก่บริษัทโกลเด้นฯ จำนวน 9,900 ล้านบาท ก็ไม่มีกรรมการคนใดไม่เห็นด้วยกับการปล่อยสินเชื่อ
ซึ่งเอกสารสำคัญนี้ก็ไม่มีใครสามารถบิดเบือนได้