กำลังประเด็นสุดฮอต เป็น Talk of the Town
กับเรื่องที่ “บริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด” ผู้รับสัมปทานบริหารระบบท่อส่งน้ำสายหลักในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่ากว่า 25,000 ล้าน ของกรมธนารักษ์ออกมา “ฟ้อนเงี้ยว” ร้องแรกแหกกระเชอไปทั่วทุกสารทิศ จากการที่ต้อง “ชวด” โครงการประมูลจ้างก่อสร้างและขยายกำลังการผลิตน้ำ โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ขนาด 8 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน มูลค่ากว่า 6,526 ล้านบาท ของการประปานครหลวง (กปน.)
โดยบริษัทอ้างว่า ถูก กปน. เขี่ยตกเวทีอย่างไม่เป็นธรรม ทั้ง ๆ ที่เสนอราคาต่ำกว่าคู่แข่ง คือ ITA Consortium โดยบริษัทเสนอราคา 6,150 ล้านบาท ขณะที่ ITA Consortium เสนอ 6,390 ล้านบาท แต่กลับถูกคณะกรรมการประกวดราคา และ กปน.ตีตก โดยอ้างว่า ข้อเสนอของวงษ์สยาม ไม่ผ่านการพิจารณา มีการดำเนินการผิดเงื่อนไข และขัดคุณสมบัติด้านเทคนิค
แม้บริษัทจะใช้สิทธิ์อุทธรณ์ไปยังคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ กรมบัญชีกลาง โดยยืนยันว่า ตนเองมีคุณสมบัติครบถ้วน ถูกต้องตามเงื่อนไขในประกาศ TOR จนได้กลับมาขึ้นเวทีอีกหน แต่ กปน. และคณะกรรมการคัดเลือกก็ยังคงไม่ยอมพิจารณาข้อเสนอราคาของวงษ์สยามฯ และไม่ยอมประกาศให้บริษัทเป็นผู้ชนะประมูลอยู่ดี
ก่อนที่บริษัทจะวิ่งโร่พึ่งศาลปกครอง และมีรายงานว่าศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งเมื่อ 24 มีนาคม 66 ให้ กปน.ชะลอการเซ็นสัญญาโครงการดังกล่าวออกไปก่อน จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น แต่ก็มีรายงานจากการประปานครหลวงว่า กปน.ได้ "ปาดหน้า" ลงนามในสัญญาโครงการจ้างเหมาก่อสร้างและขยายกำลังการผลิตน้ำ โรงผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ กับกลุ่ม ITA Consortium ไปแล้วในเช้าวันเดียวกัน ก่อนที่คำสั่งของศาลปกครองจะตกลงมาถึง กปน.
แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่า กปน. ปาดหน้าเซ็นสัญญาโครงการนี้ไปก่อนจริงหรือไม่ อย่างไร แต่การที่ กปน. มาเร่งรัดลงนามในสัญญาโครงการนี้เอาในช่วงที่ นายกฯ “บิ๊กตู่” เพิ่งประกาศยุบสภาฯ ไป ขณะที่ถนนทุกสายกำลังย่างกรายเข้าสู่โหมดเลือกตั้งทั่วไป จึงถูกมองว่าเป็น “มหกรรมทิ้งทวน” ก่อนเปลี่ยนผ่านอย่างช่วยไม่ได้!
ยันไม่ได้ทิ้งทวน แต่ประมูลลากยาวมา 2 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนรอยไปพิจารณาเหตุผลที่ กปน. ต้องเขี่ยข้อเสนอของ "บริษัทวงสยามก่อสร้าง" พ้นวงโคจร ดังที่ นายมานิต ปานเอม ผู้ว่าการการประปานครหลวง (กปน.) ชี้แจงต่อสื่อล่าสุดว่า แม้บริษัทวงษ์สยามก่อสร้างจะเสนอราคาต่ำกว่า แต่ กปน. และคณะกรรมการคัดเลือกจำเป็นต้องพิจารณาข้อเสนอที่ยังประโยชน์ต่อหน่วยงาน และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักมากกว่า “ของถูก”
โดยต้องคำนึงถึงเกณฑ์ราคา และพิจารณาเกณฑ์อื่นประกอบ ตามมาตรา 65(2) มาตรฐานของสินค้าหรือบริการและมาตรา 65(6) ข้อเสนอด้านเทคนิคหรือข้อเสนออื่น ในกรณีที่กำหนดให้มีการยื่นข้อเสนอด้านเทคนิค และเป็นไปตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างฯ พ.ศ.2560 มาตรา 55(2) วรรคสองตามหนังสือจากกรมบัญชีกลางตอบกลับ ด่วนสุดที่ กค (กวจ) 0405/31807 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ที่มีใจความสำคัญว่า หาก กปน. จะดำเนินการพิจารณาผลการประกวดราคาฯ ใหม่ ตามที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ได้แจ้งผลให้ กปน. ทราบหลังจากที่ กปน.ได้ประกาศผลการประกวดราคา เมื่อ 7 มีนาคม 65 ไปแล้วนั้น
จากการตรวจสอบผลประมูลในครั้งแรกที่ กปน.ได้ประกาศออกไปแล้วก่อนหน้านั้น นอกจากจะพบว่า บริษัทไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ มาตั้งแต่แรกแล้ว ยังพบด้วยว่า เครื่องมือและอุปกรณ์ที่บริษัทเสนอที่ถือเป็น “สาระสำคัญ” ยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดและคุณสมบัติเฉพาะตามประกาศ TOR กำหนดอีกด้วย!
พบพิรุธหนังสือรับรองผลงาน กปภ.
กับข้ออุทธรณ์ของบริษัทวงษ์สยามก่อสร้างที่มีมายัง กปน. ก่อนหน้านั้น กปน. ได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาอุทธรณ์กลับไปยังบริษัทแล้วตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า หลังจาก กปน. ได้ตรวจสอบเอกสารคุณสมบัติของบริษัทพบว่า หนังสือรับรองผลงานที่บริษัทอ้างว่า การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ออกให้ใหม่ เมื่อ 14 ธันวาคม 64 ก่อนวันยื่นข้อเสนอเพียงวันเดียวนั้น
พบว่า มีข้อความเพิ่มเติมที่ไม่มีในสำเนาสัญญา และไม่ปรากฏอยู่ในแบบก่อสร้างที่บริษัทแนบมาก่อนหน้านี้ และเป็น “สาระสำคัญ” ที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข TOR กำหนด คือ ขนาดกำลังผลิตน้ำไม่ถึง 1 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน (บริษัททำได้แค่ 96,000 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น)
“คณะกรรมการประกวดราคามีการสอบถามที่มาที่ไปของหนังสือรับรองผลงานที่ว่านี้กลับไปยัง กปภ. ก็ไม่พบว่า เคยมีการออกหนังสือรับรองในลักษณะเช่นนี้ให้แก่หน่วยงานใดมาก่อน เพราะตามระเบียบที่กรมบัญชีกลางกำหนด จะต้องออกตามความเป็นจริงตามสัญญาจ้าง เหตุใดจึงมีการออกหนังสือรับรองโดยเพิ่มข้อความที่ไม่มีในสัญญาให้แก่คู่สัญญารายนี้ได้ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คณะกรรมการคัดเลือกแสดงความแปลกประหลาดใจว่า มีการออกหนังสือรับรองในลักษณะนี้มาอย่างไร”
แม้ต่อมา กปน.จะยอมรับหนังสือร้องอุทธรณ์ของบริษัทตามที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ กรมบัญชีกลาง แจ้งผลอุทธรณ์มายัง กปน. แต่เมื่อ กปน.ต้องดำเนินการพิจารณาผลประกวดราคาก็จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องอื่น ๆ ประกอบด้วย โดยต้องพิจารณาผู้ยื่นข้อเสนอที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ถูกต้องตามเงื่อนไขในประกาศและเอกสารประกวดราคาฯ ที่กปน.กำหนดเป็นหลัก
ยิ่งในส่วนของคุณสมบัติด้านเทคนิคของอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์ที่บริษัทนำเสนอที่อ้างว่าครบถ้วน ถูกต้องตามเงื่อนไขข้อกำหนด ตามประกาศประกวดราคา TOR นั้น ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เป็นการโต้แย้งเงื่อนไขในเอกสารประกวดราคาฯ และเอกสารแนบท้าย ซึ่งเป็นรายการรายละเอียดด้านวิศกรรมที่ กปน. เปิดโอกาสให้มีการรับฟังความคิดเห็นไปก่อนหน้านี้ โดยที่บริษัทเองไม่ได้มีการวิจารณ์ หรือโต้แย้งมาก่อน ดังนั้นบริษัทจึงใช้สิทธิ์อุทธรณ์ไม่ได้ตั้งแต่ต้น (ตามนัยมาตรา 114 ประกอบมาตรา 116 วรรสองแห่ง พรบ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และเป็นไปตาม มาตรา115(4) ข้อ2 จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ตามกฎกระทรวงกำหนด
เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ว่า กปน. ออกโรงย้ำว่า ที่ผ่านมาการดำเนินโครงการนี้ กปน. ได้จัดให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ในการดำเนินงานทุกขั้นตอน โดยเข้าร่วมโครงการข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) โดยกรมบัญชีกลาง และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ได้แต่งตั้ง "คณะผู้สังเกตการณ์อิสระ" เข้าร่วมสังเกตการณ์การดำเนินงานทุกขั้นตอน ซึ่งที่ผ่านมาคณะผู้สังเกตการณ์ฯ มิได้มีประเด็นข้อกังวลใจใด ๆ ในขั้นตอนการดำเนินการ อันสื่อให้เห็นถึงการดำเนินโครงการนี้ มีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
หวั่นเจริญรอยตามรถไฟฟ้า สายสีส้ม
ขณะที่ นายชัยยุทธ์ หอมวงศ์ ประธานสหภาพแรงงาสหภาพแรงงานการประประนครหลวง ยืนยันว่า การตัดสินใจของผู้ว่า กปน. ในการลงนามในสัญญาโครงการนี้ เพราะถือเป็นโครงการสำคัญในการสร้างความมั่นคงและสร้างเสถียรภาพให้แก่ระบบจ่ายน้ำของ กปน. ต่อประชาชน
เนื่องจากการประมูลโครงการดังกล่าวยืดเยื้อมากว่า 2 ปีแล้ว ประกอบกับโครงการก่อสร้างและขยายกำลังการผลิตน้ำ โรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์นั้น เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างเสถียรภาพระบบการจ่ายน้ำให้การประปานครหลวงที่ไม่ได้มีเพียงโครงการนี้โครงการเดียว แต่ยังมีโครงการต่อเนื่องอื่น ๆ ที่อยู่ในแผนขยายศักยภาพและสร้างเสียรภาพระบบจ่ายน้ำของการประปา โดยมีโครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำขนาดใหญ่ที่จะนำน้ำจากแม่น้ำแม่กลองเข้าโรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์แห่งนี้รวมอยู่ด้วย ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำคืบหน้าไปกว่า 20% แล้ว
“หากโครงการก่อสร้างและขยายกำลังผลิตน้ำ โรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์ต้องล่าช้าออกไป ในขณะที่ท่อลำเลียงน้ำก่อสร้างแล้วเสร็จมาจ่อโรงกรองน้ำแล้ว จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ใช้น้ำตามมาอย่างแน่นอน ทั้งยังจะส่งผลต่อประสิทธิภาพและเสถียรภาพระบบการให้บริการประปาตามมาอีกด้วย”
แม้ผู้บริหารบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จะร้องแรกแหกกระเชอไปทั่วทุกสารทิศ แต่ฝ่ายบริหาร กปน. ได้ยืนยันกับ "เนตรทิพย์ออนไลน์" ว่า คงไม่สามารถจะกลับทบทบทวนหรือยกเลิกสัญญาได้อีก เพราะเมื่อการประปานครหลวง (กปน.) ได้ดำเนินการเซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนผู้ชนะประมูลไปแล้ว ก่อนที่คำสั่งศาลปกครองจะตกมาถึง กปน.
ขั้นตอนหลังจากนี้ ก็คงเป็นเรื่องที่ ฝ่ายบริหาร กปน.จะต้องมีหนังสือชี้แจงกลับไปศาลปกครอง ถึงเหตุผลและความจำเป็นที่กปน.ต้องตัดสินใจเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป เพราะไม่อาจจะทอดยาว ปล่อยให้การประมูลยืดเยื้อจนส่งผลต่อศักยภาพและขีดความสามารถในการให้บริการจัดการน้ำ โดยเฉพาะในฝั่งกรุงเทพตะวันออก ที่กำลังขยายตัวอย่างมาก หาไม่แล้ว โครงการนี้อาจจะ “ลงเอย” แบบ “โครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม” ของ “การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)” ที่ดำเนินการประมูลกันมาตั้งแต่ปีมะโว้ 2563 ผ่านมากว่า 3 ปีเข้าไปแล้ว ยังคงล้มลุกคลุกคลา คาราคาซังไม่ไปไหนและจ่อจะต้องไปรอวัดดวงเอาว่ารัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง จะสั่งเดินหน้าหรือล้มประมูลกันใหม่กันรอบหรือไม่
“ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ "บริษัท อีสต์วอเตอร์ จำกัด (มหาชน)" “คู่ปรับเก่า” ของบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง ที่ร้องแรกแหกกระเชอ กรณีกรมธนารักษ์ดำเนินการคัดเลือกบริษัทวงษ์สยามก่อสร้าง ให้เป็นผู้ชนะประมูลในโครงการบริหารจัดการท่อส่งน้ำสายหลักในเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) มูลค่ากว่า 25,000 ล้านบาท ทั้งที่ขั้นตอนการดำเนินโครงการดังกล่าว มีการรวบรัดจัดประมูลแบบเร่งรีบแทบจะม้วนเดียวจบ แถมมีการแก้ไข ยกเลิกการประมูลกันกลางอากาศ ด้วยข้ออ้างที่ไม่ต่างกันว่า เพราะ "นิยาม" ขีดความสามารถของระบบท่อส่งน้ำที่กำหนดไว้ใน TOR และข้อกำหนดคุณสมบัติเฉพาะไม่ชัดเจน ก่อนจะมุบมิบ ๆ ดำเนินการแก้ไขและจัดประมูลแบบ "ม้วนเดียวจบ" ในเวลาไม่ถึง 3 เดือนด้วยซ้ำ"
แม้โครงการดังกล่าวจะถูกสังคมตั้งข้อกังขาว่า มีการเร่งรัดจัดประมูลอย่างผิดสังเกต ทั้งยังเป็นการให้สัมปทานแบบ “ผิดฝั่ง-ผิดฝา” ส่อเป็นการดำเนินการที่ขัด พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (พีพีพี) ปี 2562 หรือไม่? หน่วยงานที่ควรเป็นเจ้าของโครงการที่แท้จริง ควรเป็น “การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.)” หรือ “สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (สกพอ.)” แทนที่จะเป็นกรมธนารักษ์ หรือไม่ อย่างไร? แต่เมื่อกรมธนารักษ์ได้ดำเนินการเซ็นสัญญาให้สัมปทานโครงการไปแล้ว จึงเป็นอันจบเห่ ไม่อาจจะ “ฟื้นฝอยหาตะเข็บ” กันได้อีก
โครงการจ้างก่อสร้างและขยายกำลังผลิตน้ำ โรงงานน้ำมหาสวัสดิ์นี้ก็เช่นกัน เมื่อ กปน. ได้ลงนามในสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกันไปแล้ว ก็ไม่สามารถจะหวนกลับไปยกเลิกสัญญาได้
ส่วนกรณีของบริษัทวงษ์สยามก่อสร้างที่ต้อง “ชวด” โครงการนี้ไป และยังคงมีความพยายามดิ้นรนสุดเฮือกอยู่นั้น ก็คงปล่อยให้กระบวนการไต่สวนของศาลว่ากันต่อไป ส่วนจะทอดยาวไปถึงไหนนั้น เผลอๆ ตัวโครงการก่อสร้างฯแล้วเสร็จไปแล้วยังไม่รู้กระบวนการไต่สวนในชั้นศาลจะแล้วเสร็จหรือยัง?
หมายเหตุ: อ่านข่าวที่เกี่ยวกับเพิ่มเติม..
เนตรทิพย์:Hot Issue
-กปน.แจงเหตุเขี่ย “วงษ์สยาม” - ยันพิจารณาตามระเบียบ-ยึดผลประโยชน์ชาติ - ถูกตีตกเพราะอุปกรณ์ใช้งานไม่ได้ตามสเปค
http://www.natethip.com/news.php?id=6555
-เนตรทิพย์:Hot Issue
กปน. สะบัดปากกาไปแล้ว! เซ็นสัญญาโรงกรองน้ำมหาสวัสดิ์ 6.5 พันล้าน - ก่อนคำสั่งศาลปกครองสั่งติดเบรก - หวั่นโครงการล่าช้ากระทบโครงการต่อเนื่อง
http://www.natethip.com/news.php?id=6560