ดูเหมือนถนนทุกสายและทุกสื่อต่างมุ่งแต่ตรวจสอบ “เงื่อนงำ”การปลุกผี "หุ้น ITV” ที่นายพีธา ลิ้มเจริญรัตน์ "ว่าที่นายกฯ ที่ถืออยู่ 42,000 หุ้นว่า..ผิดกฎหมายหรือไม่ ?
ทำให้ขาดคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 98(3) หรือไม่ ? ทำให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกฯ หรือไม่ ?
หรือกรณี "ไอ้คุณโม่ง" ที่สวมรอย “ปลุกผี” สื่อไอทีวี (ITV) ขึ้นมา เพื่อหวังจะเป็นหลักฐาน “สอยพิธา” คือใคร?
มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่? และสมควรที่หน่วยงานกำกับและตรวจสอบจะต้องไล่เบี้ย “เช็คบิล” คืนให้สาสมหรือไม่อย่างไร?
ทั้งที่ “บรรทัดฐาน” ในการพิจารณาและตรวจสอบของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือในศาลอาญานั้น จะยึดหลักกฎหมาย ยึดถือเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างไร หรือแค่พิจารณา “การมีอยู่ของหุ้นที่ถือ” หรือการมีอยู่ของนิติบุคคลไอทีวี ก็ถือว่าผิดหรือไม่อย่างไรนั้น ไม่มีใครคาดเดาได้
แต่เรื่องของ "ค่าโง่ ITV" ที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ไปยกเลิกสัญญาสัมปทานในอดีต เพียงเพราะบริษัทดอดปรับผังรายการที่ไม่เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน จนนำไปสู่การบอกเลิกและยึดคืนสัญญาสัมปทาน และนำไปสู่การฟ้องร้องคดีในชั้นอนุญาโตตุลาการ ก่อนที่อนุญาโตตุลาการจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดเมื่อ 30 ม.ค. 2557 ว่า การที่ สปน. บอกเลิกสัญญาสัมปทานไอทีวีในอดีตนั้น เป็นการกระทำมิชอบด้วยกฎหมายและข้อกำหนดในสัญญาสัมปทาน และท้ายที่สุดคณะอนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยชี้ขาดให้สำนักนายกฯ ต้องชดใช้ความเสียหายให้แก่ ITV กว่า 2,890 ล้านบาท
กลายเป็น “ค่าโง่ ITV” ที่เจริญรอยตาม กรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท) และกระทรวงคมนาคม ยกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการระบบทางรถไฟและถนนยกระดับ “โฮปเวลล์” ที่สุดท้ายรัฐบาลต้องเสีย “ค่าโง่” จ่ายชดเชยคืนเอกชนกว่า 28,000 ล้านบาท จนป่านนี้คู่สัญญาภาครัฐนอกจากจะหาทางปิดคดีไม่ลงแล้ว ยังคงไม่สามารถควานหาหรือจับมือใครมารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ได้
แม้ สปน. จะไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตฯ และได้นำคดีขึ้นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อ 29 เม.ย. 2559 เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดดังกล่าว แต่ผลแห่งคำพิพากษาที่ออกมาเมื่อ 17 ธ.ค. 2563 ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำร้องของ สปน. เนื่องจากเห็นว่า คดีไม่มีเหตุตามกฏหมายที่จะให้ศาลเพิกถอนคำชี้ขาดได้ แต่ สปน. ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2564 ปัจจุบันคดีนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
ตรงนี้ต่างหาก คือ เผือกร้อน และ "ค่าโง่" ที่รัฐบาลต้องเตรียมรับมือในอนาคตอันใกล้!!!
รัฐจะหาเงินจากไหน มาจ่ายชดเชยคู่สัญญาเอกชน? สปน. และกระทรวงการคลัง จะต้องดำเนินการไล่เบี้ยข้าราชการ – ผู้เกี่ยวข้อง หรือแม้กระทั่งรัฐบาล คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในอดีต ที่มีส่วนทำให้รัฐเกิดความเสียหาย ต้องจ่าย “ค่าโง่” ก้อนมหึมาที่วันนี้คงจะทะลักขึ้นไปร่วม 3,000 ล้านบาทแล้ว
จะต้องไปขุดเอาวิญญาณข้าราชการ และลาก ครม. ในอดีตที่เกี่ยวข้อง มาร่วมรับผิดชอบความเสียหายทางแพ่ง รับผิดชอบตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐกันอย่างไร?
ยิ่งหากรัฐจะต้องมาชดเชยความเสียหายแก่คู่สัญญาเอกชนเอาในช่วง “รัฐบาลนายพิธา” ที่ “นายกฯ” เคยถือหุ้น ITV มาก่อน และยังมีพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “เพื่อไทย” ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับ “เจ้าสัวกลุ่มทุนพลังงาน” ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในไอทีวีอยู่แล้วด้วย สิ่งเหล่านี้รัฐบาลจะตอบข้อ “กังขา” ของผู้คนในสังคมได้อย่างไร ว่าไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนผลประโยชน์ทางการเมือง
ตรงนี้ต่างหากคือเรื่องใหญ่ที่ทุกฝ่ายกำลังมองข้าม
อย่างลืมว่า “เงินภาษีของรัฐ” ที่ต้องจ่ายเป็น “ค่าโง่” ออกไปนั้น ไม่ว่าจะมากหรือน้อยอย่างไร จะต้องมีผู้รับผิดชอบ หาไม่จะลงเอยแบบกรณี “ค่าโง่โฮปเวลล์” กว่า 28,000 ล้านบาท ที่ป่านนี้หน่วยงานรัฐอย่างการรถไฟฯ และกระทรวงคมนาคม ยัง “มืดแปดด้าน” ไม่รู้จะควานหาเงินจากไหนมาจ่ายคืน และจะควานหาใครมารับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น!