สุดพิลึก “ไตรรัตน์” ลักไก่ใช้อำนาจรักษาการเลขาฯ กสทช. เซ็นคำสั่งยกเลิกคำสั่งสอบวินัยตัวเองของบอร์ด กสทช.ก่อนหน้า วงในชี้ส่อใช้อำนาจโดยมิชอบ ขณะปมมติบอร์ดปลดรักษาการเลขา กสทช.ยังอึมครึมหาบทสรุปไม่เจอมีผลแล้วหรือไม่?ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการภาระคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ได้ลงนามในฐานะ "รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช." ลงนามคำสั่งสำนักงาน กสทช. ที่ 653.05/2566 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งสำนักงาน กสทช. ลับที่ 629/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ลงวันที่ 16 มิ.ย. 66 ที่ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย นายไตรรัตน์ ตามติมติ บอร์ด กสทช. ก่อนหน้านี้โดยคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยดังกล่าว เป็นคำสั่งที่ นายภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. ที่ได้รับแต่งตั้งจากบอร์ด กสทช. ให้ทำหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แทนนายไตรรัตน์ พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนายไตรรัตน์ จากกรณีที่รักษาการเลขาธิการ กสทช. ขออนุมัติงบสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดรายการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่ไม่เป็นไปตามประกาศ กสทช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเผยแพร่รายการโทรทัศน์เป็นการท่ัวไป หรือผลักเกณฑ์ "มัสต์แครี่" อย่างไรก็ตาม มติของคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช. ที่ให้นายไตรลักษณ์พ้นจากรักษาการเลขาธิการ กสทช. และแต่งตั้งนายภูมิศิษฐ์ขึ้นรักษาการเลขาธิการแทนนั้น ยังคงมีปัญหาว่าชอบด้วยกฏหมาย กสทช. หรือไม่ หลังจากที่เลขานุการ ประจำสำนักงานประธาน กสทช. ได้มีหนังสือเวียนเป็นการภายใน กสทช. ก่อนหน้า ระบุว่า มติบอร์ด กสทช. ข้างต้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะอำนาจในการแต่งตั้งและเปลี่ยนแปลงตัวเลขาธิการ กสทช. เป็นอำนาจของประธาน กสทช. เท่านั้น และยังคงยืนยันว่า นายไตรรัตน์ยังคงต้องทำหน้าที่เป็นรักษาการเลขาธิการ กสทช. อยู่ต่อไป ในทันทีที่เลขานุการ ประจำสำนักงานประธาน กสทช. ได้ออกหนังสือเรียนข้างต้น ขณะที่บอร์ด กสทช. ที่แม้จะมีการหารือในเรื่องดังกล่าว แต่ก็ยังไม่มีข้อยุติว่า มติบอร์ด กสทช. มีผลทางกฏหมายหรือไม่ รวมทั้งหนังสือเรียนของเลขานุการประจำสำนักงานประธาน กสทช. ดังกล่าวถูกต้องหรือไม่อย่างไร ล่าสุด นายไตรรัตน์ ยังคงใช้อำนาจในตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ลงนามคำสั่งสำนักงาน กสทช. ที่ 653.05/2566 เรื่อง ยกเลิกคำสั่งสำนักงาน กสทช. ลับที่ 629/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ลงวันที่ 16 มิ.ย.66 ไปในที่สุด ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ภายในสำนักงาน กสทช. ว่า การยกเลิกคำสั่งสอบตนเองดังกล่าวของนายไตรรัตน์เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เป็นการดำเนินการที่ขัดมติบอร์ด กสทช. หรือไม่ เพราะตามหลักการแล้วไม่น่าจะทำได้ อีกทั้งยังเข้าข่ายใช้อำนาจรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. โดยมิชอบ เนื่องจากบอร์ด กสทช. ได้มีมติเสียงข้างมากปลดนายไตรรัตน์ออกจากตำแหน่งไปก่อนหน้านั้นแล้วแหล่งข่าวในสำนักงาน กสทช. ยังเผยด้วยว่า นอกจากนี้ นายไตรรัตน์ ยังได้ใช้อำนาจรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เรื่อง การย้ายและแต่งตั้งพนักงาน รวม 5 ฉบับ ลงวันที่ 27 มิ.ย. 66 ด้วย ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า คำสั่งที่นายไตรรัตน์ลงนามในฐานะรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. อาจเป็นโมฆะ เพราะเป็นการใช้อำนาจภายหลังจากที่บอร์ด กสทช. ได้มีมติเสียงข้างมากปลดออกจากตำแหน่งรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แล้วผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ได้เกิดความสับสนภายในสำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับสถานะของ นายไตรรัตน์ ที่บอร์ด กสทช. ได้มีมติเสียงข้างมากปลดพ้นรักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. ซึ่งตามกฏหมายย่อมต้องถือว่า มติบอร์ดดังกล่าวมีผลทันที รวมทั้งบอร์ดยังมีมติแต่งตั้ง ผศ.ภูมิศิษฐ์ ทำหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. แทน ไปแล้ว การที่นายไตรรัตน์ อ้างว่าตนเองยังคงทำหน้าที่รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. อยู่ เพราะ ประธาน กสทช. ยังไม่ได้ลงนามยกเลิก หรือเพิกถอนคำสั่งตั้งนายไตรรัตน์ เป็นรักษาการเลขาธิการ กสทช. ก่อนจะออกคำสั่งยกเลิกการสอบวินัยตนเองนั้น จึงถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายและขัดมติบอร์ด กสทช. โดยตรง