ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ รายงานว่า วันนี้ (17 ก.ค. 62) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวร้อยละ 6.2 (YoY) ในไตรมาส 2 ปี 2562 ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่ต่ำสุดในรอบ 27 ปี โดยชะลอลงจากร้อยละ 6.4 ในไตรมาส 1 ปี 2562 ส่งผลให้ในครึ่งปีแรกของปี 2562 เศรษฐกิจจีนขยายตัวที่ร้อยละ 6.3 ทั้งนี้ ปัจจัยฉุดรั้งหลักมาจากอุปสงค์โลก รวมถึงอุปสงค์ภายในประเทศจีนเองที่อ่อนแรงลง ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่สร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
• เศรษฐกิจจีนไตรมาส 2/2562 ขยายตัวที่ร้อยละ 6.2 (YoY) โดยการส่งออกจีนหดตัวถึงร้อยละ (-)1.0 (YoY) ในไตรมาส 2/2562 ชะลอลงอย่างต่อเนื่องจากอัตราเติบโตที่ร้อยละ 1.3 (YoY) ในไตรมาส 1/2562 ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรงและสงครามการค้าที่ยังมีความตึงเครียดสูง ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบทางลบต่อการส่งออกจีนเป็นอย่างมาก โดยการส่งออกจีนไปยังสหรัฐฯ หดตัวลงถึงร้อยละ (-)8.2 (YoY) ในไตรมาส 2/2562 การชะลอตัวของการส่งออกจีนส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมจีนชะลอลงตามไปด้วย โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของภาคอุตสาหกรรมจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง และอยู่ที่ระดับ 49.4 ในเดือนมิถุนายน ซึ่งตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 บ่งบอกถึงทิศทางชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมจีน อีกทั้งผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial production) ก็เติบโตในอัตราที่ชะลอลงที่เฉลี่ยร้อยละ 5.6 (YoY) ในไตรมาส 2/2562 เมื่อเทียบกับอัตราเฉลี่ยที่ร้อยละ 6.4 ในไตรมาส 1/2562 นอกจากนี้ ภาคการลงทุนจีนก็ชะลอตัวเช่นเดียวกัน โดยการลงทุน (Fixed asset investment) ชะลอตัวลง โดยขยายตัวที่ร้อยละ 5.8 (YoY) ในไตรมาส 2/2562 ลดลงจากอัตราการเติบโตที่ร้อยละ 6.3 (YoY) ในไตรมาส 1/2562 ทั้งนี้ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในเดือนมิถุนายนขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือนมิถุนายน หลังจากที่เติบโตในอัตราที่ชะลอลงอย่างมากในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ดี ตัวเลขที่ดีขึ้นเหล่านี้น่าจะเกิดจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางการเพิ่มสภาพคล่อง ซึ่งอาจช่วยประคองเศรษฐกิจจีนไปได้ในระยะหนึ่ง แต่คงไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากเท่าใดนัก โดยภาคอุตสาหกรรมและภาคการลงทุนของจีนมีแนวโน้มที่จะยังคงซบเซาต่อไป
• นอกจากนี้ อุปสงค์ภายในประเทศของจีนก็อ่อนแรงลงเช่นเดียวกัน ซึ่งเห็นได้จากการนำเข้าของจีนที่หดตัวอย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ (-)4.1 ในไตรมาส 2/2562 แม้ว่ารัฐบาลจีนจะพยายามใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีนำเข้า รวมถึงเพิ่มงบประมาณรายจ่ายรัฐบาลในโครงการพื้นฐานต่างๆ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านล้านหยวน (2.97 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) แต่เศรษฐกิจจีนก็ยังคงอ่อนแรง แสดงให้เห็นว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้ อาจไม่เพียงพอในการกระตุ้นเศรษฐกิจและอาจทำได้เพียงช่วยประคองเศรษฐกิจจีนไม่ให้ชะลอลงไปมากกว่านี้ อย่างไรก็ดี ภาคการค้าปลีกของจีนยังคงขยายตัวได้ดีในไตรมาส 2/2562 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเดือนมิถุนายน ซึ่งเติบโตถึงร้อยละ 9.8 (YoY) มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ อันเป็นผลมาจากที่การลดภาษีมูลค่าเพิ่มในเดือนเมษายนเริ่มเห็นผลในการกระตุ้นการบริโภคในจีน อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายในสินค้าคงทน เช่น รถยนต์นั้น ชะลอลงอย่างมาก โดยลดลงถึงร้อยละ (-)12.4 (YoY) ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 และหดตัวในอัตราที่เร่งขึ้นในไตรมาส 2/2562 ที่ร้อยละ (-)13.5 (YoY) แสดงให้เห็นว่าการบริโภคของจีนโดยรวมยังมีทิศทางที่อ่อนแรงลง โดยเศรษฐกิจที่ชะลอลงส่งผลอย่างมากต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีมูลค่าสูง ทั้งนี้ การบริโภคของจีนมีแนวโน้มที่จะชะลอลงอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ น่าจะช่วยประคองเศรษฐกิจจีนให้ยังไปได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
แนวโน้มเศรษฐกิจจีนปี 2562 ยังคงอ่อนแรง จากอุปสงค์ที่อ่อนแอภายในและภายนอกประเทศ ท่ามกลางข้อพิพาททางการค้าที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2562 จะเติบโตที่ร้อยละ 6.2 (กรอบคาดการณ์ที่ร้อยละ 6.0-6.4) ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะเผชิญความเสี่ยงเชิงลบมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ในขณะที่หากรัฐบาลจีนไม่สามารถใช้นโยบายต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพมากพอและไม่สามารถทำให้การบริโภคและการลงทุนภายในประเทศกลับมาเป็นทิศทางขยายตัว การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะเข้าใกล้กรอบคาดการณ์ล่างที่ร้อยละ 6.0 มากขึ้น อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนทั้งปีนี้ไม่น่าจะหลุดไปต่ำกว่ากรอบคาดการณ์ล่างที่ร้อยละ 6.0 เนื่องจากรัฐบาลจีนน่าจะยังคงสามารถใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในการประคองเศรษฐกิจจีนไปได้ในปีนี้
• การส่งออกจีนมีแนวโน้มที่จะยังคงชะลอตัวจากอุปสงค์โลกที่ยังคงอ่อนแรง โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า การส่งออกจีนน่าจะชะลอสู่ระดับร้อยละ 3.0-5.0 ในปี 2562 เทียบกับการขยายตัวร้อยละ 9.9 ในปี 2561 โดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความตึงเครียดจากสงครามการค้าจะยังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้งหลักของการส่งออกจีนต่อไป อย่างไรก็ดี การส่งออกจีนน่าจะเติบโตในอัตราที่เร่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2562 นี้ หลังจากขยายตัวเพียงร้อยละ 0.1 (YoY) ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ เนื่องจากฐานที่ต่ำในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 ในขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า สงครามการค้าจะไม่ทวีความรุนแรงไปจนเป็น Full-blown trade war แม้ว่าจะมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจทยอยขึ้นภาษีสินค้าจีนที่เหลือที่มีมูลค่า 3.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
• ทั้งนี้ จีนมีแนวโน้มที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยมีจุดมุ่งหมายให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนในปีนี้อยู่ในเป้าหมายที่ร้อยละ 6.0-6.5 ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะช่วยประคองโมเมนตัมของเศรษฐกิจจีนไปได้ในระยะหนึ่ง อย่างไรก็ดี ทางการจีนมีข้อจำกัดในทางเลือกเชิงนโยบาย เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจจีนมีความเปราะบางจากภาระหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นและหนี้ภาคธุรกิจ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม แต่ทางการจีนยังพอมีช่องว่างในการลดภาษีและเพิ่มงบประมาณรายจ่ายอีกเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องแบกรับภาระมากขึ้นในอนาคต ในขณะเดียวกัน ทางการจีนมีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายทางการเงินอย่างจำกัด ท่ามกลางความเสี่ยงในภาคการเงินที่ยังอยู่ในระดับที่ต้องระมัดระวัง โดยธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายในระดับเดิม แต่อาจลดอัตราส่วนการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง (RRR) อีกในปีนี้ โดยหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ ก็จะเปิดช่องให้ธนาคารกลางจีนปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงได้ ทั้งนี้ เมื่อมองไปข้างหน้า ทางการจีนคงจะต้องเผชิญความท้าทายมากขึ้นในการใช้มาตรการต่างๆ ในการประคองเศรษฐกิจ ท่ามกลางภาระหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่สงครามการค้ามีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อต่อไปในอนาคต