ฉับพลันที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.กระทรวงคมนาคม ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อ ภายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ถึงนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ที่ถือเป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในขณะนี้
เพราะยังมีเรื่องสำคัญอื่น ๆ อย่างการลงทุนขนส่งระบบราง และเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องดำเนินการก่อน ส่วนค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายนั้น จะดำเนินการให้หลัง 2 ปีไปแล้ว
เรียกได้ว่าเป็นการ “หักดิบ” ความคาดหวังของประชาชนคนไทย และโดยเฉพาะคนกรุงกว่า 10 ล้านเอาเลยก็ว่าได้ และยังเป็นการดำเนินการที่สวนทางกับ “นิด้าโพล” ที่เพิ่งเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า สิ่งที่ประชาชนอยากได้มากที่สุดจากนโยบายพรรคเพื่อไทย ก็คือ “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” สูงถึงร้อยละ 90
ขณะที่อันดับ 2 นโยบายเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ร้อยละ 80.08 และอันดับ 3 นโยบายมีโรงพยาบาลประจำเขต 50 เขต ร้อยละ 78.17 อันดับ 4 นโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน ร้อยละ 78.09 และอันดับ 5 นโยบายจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ร้อยละ 70
สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนมีความคาดหวังต่อนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายมากที่สุด และมากกว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยชูเป็นนโยบายหาเสียงนั่นเสียอีก!
วันวาน “ลม เปลี่ยนทิศ” พี่ใหญ่ใต้ชายคาสำนักข่าวหัวเขียว ได้ออกมาสะท้อนปัญหาของคนกรุงว่า ทุกวันนี้กรุงเทพฯต้องเผชิญกับปัญหา “รถติดมหาวินาศสันตะโร” ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ก็ไม่รู้ว่าวันๆ นั้นไปทำงานทำการอะไรบ้าง หรือมัวไปวิ่งตามเส้นเลือดฝอยต่างๆ จึงมองไม่เห็นปัญหาใหญ่ของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องเจออยู่ทุกเช้าเย็น จึงไม่แปลกใจที่ผู้คนต้องหันไปใช้ระบบรางกันมากขึ้น เพราะไม่อยากติดอยู่บนถนนวันละ 3-4-5 ชั่วโมง
ยิ่งในวันที่ฝนตกด้วยแล้ว ก็ยิ่งติดวินาศสันตะโร จนประสาทแดก!
ส่วนเรื่องค่าโดยสารรถไฟฟ้า ส่วนใหญ่อยู่ที่เที่ยวละ 15-45 บาท ไป-กลับสองเที่ยวก็ตกวันละ 30-90 บาท แต่ละสายยังมี “ค่าแป๊ะเจี๊ยะ” หรือ “เงินกินเปล่า” ที่เรียกกันว่า “ค่าแรกเข้า” อีกคนละ 15 บาท เข้ากระเป๋ารถไฟฟ้าฟรีๆ ไป ถ้าต้องเดินทางหลายต่อหรือเปลี่ยนสายก็ต้องจ่ายค่าแรกเข้าอีก แต่ “รัฐบาลลุง” ที่อยู่มา 9 ปี กลับแก้ปัญหานี้ไม่สำเร็จ เพราะมัวเกรงใจนายทุน
พร้อมกับฝากความหวัง “นายกฯ เศรษฐา” อย่า “ตระบัดสัตย์” ให้คนผิดหวังอีก เพราะหากคิดเลขง่ายๆ ค่าแรกเข้าคนละ 15 บาทต่อเที่ยว ผู้โดยสารวันละ 1.758 ล้านคน/เที่ยว ก็ได้เงินกินเปล่าไปเที่ยวละ 26 ล้านบาท ถ้ากล้าแก้ตรงนี้ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทำได้แน่
แต่ดูเหมือนความคาดหวังของพี่ใหญ่ “ลม เปลี่ยนทิศ” จะผิดหวังอย่างรุนแรงเสียแล้วเมื่อ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ออกมาประกาศชัดเจนวันวานว่า นโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายนั้น ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญที่ต้องทำมากกว่า
ทั้งที่ กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ได้มีการศึกษาและเตรียมชงแนวทางในการดำเนินนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายนี้เอาไว้แล้ว โดยมีการศึกษาตามกลุ่มเป้าหมายผู้เดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนทางราง ใน 2 กรณี คือ 1. กลุ่มประชาชนผู้ใช้บริการทั่วไป 2. กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ในกลุ่มประชาชนผู้ใช้บริการทั่วไป หากรัฐจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย คาดว่าจะต้องใช้เงินอุดหนุนจากภาครัฐรวม 5,446 ล้านบาท/ปี ส่วนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คาดว่าจะต้องใช้เงินจากภาครัฐอุดหนุน รวม 307.86 ล้านบาท/ปี
อย่างไรก็ตาม ประโยชน์ของนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะทำให้เกิดประโยชน์ทั้งทางด้านจราจรและขนส่ง และผลประโยชน์อื่นๆ ทั้งเรื่องของการลดระยะเวลาการเดินทางบนถนน/ลดปัญหาการจราจรติดขัด, ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน, ลดค่าใช้จ่ายทางสุขภาพของประชาชนในประเทศ, ลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนน, ส่งเสริมการใช้ระบบราง นอกจากนั้นยังส่งเสริมแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564-2573 โดยการลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อม ลดภาวะโลกร้อน และฝุ่น PM 2.5 รวมถึงส่งเสริมการเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มประสิทธิภาพของเมือง
สารพัดข้อดีขนาดนี้แล้ว ยังจะ “หักดิบ” ความคาดหวังของประชาชนคนกรุงและคนไทยกันอีกหรือ ลำพังแค่ที่พรรคเพื่อไทยข้ามห้วยหันมาจับมือเครือข่ายอำนาจเก่า “พปชร. และ รทสช.” นั้น ก็ทำเอาประชาชนคนไทยได้แต่ส่ายหน้ากับจุดยืนของพรรค แต่ก็ยังพอจะทำใจเมื่อคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติที่ไม่อาจจะรอได้
หากรัฐบาลยังมา “ตระบัตสัตย์” ซ้ำสองเอากับการหักดิบความคาดหวังของประชาชนคนกรุงและคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการซื้อเวลาค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายออกไปอีกเช่นนี้ ก็เห็นทีความคาดหวังของรัฐบาลที่หวังจะสร้างผลงานกู้หน้า กู้ศรัทธาจากประชาชนคนไทย คงเป็นได้แค่เพ้อฝันเท่านั้นแหล่ะ
จริงไม่จริงท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่เคารพ !!!