แถมทรูอินเตอร์เน็ตเล่นแง่ หลังแผนระดมทุน 2.5 หมื่นล้านสะดุดกึก วงในตีแผ่ทีโออาร์ KT ตั้งใจเซ็งลี้โครงข่ายให้บริษัทสื่อสารรับเหมาช่วงไปขายต่อชัดเจน
หลังจาก สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้จัดประชุมร่วมกับผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด(เคที) วิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมจำนวน 6 รายที่เคยยื่นหนังสือ เรียกร้องให้ตรวจสอบและระงับการที่บริษัทเคทีจะให้สัมปทาน โครงขายท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท แก่เอกชนรายอื่นรับเหมาช่วงไปทำตลาด
โดยล่าสุดเลขาธิการ กสทช. ได้ออกมาแถลงยืนยันว่า บริษัทกรุงเทพ ธนาคมจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามประกาศ กสทช.ข้อ 35 โดยจะต้องเป็นผู้ประกอบกิจการให้บริการโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารด้วยตนเอง ไม่สามารถจะ "เซ็งลี้" หรือ ให้สัมปทานแก่บริษัทสื่อสารรายอื่นได้ พร้อมสั่งให้บริษัทกรุงเทพธนาคมจัดทำ ข้อเสนอต้นทุนเพื่อกำหนดอัตราอ้างอิงในการเปิดให้บริการเพื่อพิจารณากำหนดอัตราอ้างอิง ในการเช่าใช้ท่อร้อยสายนั้น
แม้ผู้บริหาร บริษัทกรุงเทพธนาคม (เคที) จะออกมายืนยันว่า โครงการดังกล่าวบริษัทไม่เคยคิดที่จะเซ็งลี้หรือให้สัมปทานกับบริษัทสื่อสารรายใดรับเหมาช่วงโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินไปทำการตลาดหรือหากินต่อ โดยระบุว่า ในเงื่อนไขทีโออาร์ที่มีไปยังบริษัทสื่อสารต่างๆ นั้น ทางบริษัทเพียงต้องการทราบปริมาณความต้องการใช้โครงข่ายหรือ Capacity ที่บริษัทสื่อสารแต่ละรายต้องการใช้ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลจัดสร้างโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารรองรับเท่านั้น
แต่จากการตรวจสอบเอกสารเชิญชวน Request for Proposal : RFP ที่กรุงเทพธนาคมมีไปยังบริษัทสื่อสารนั้น กลับพบว่า มีความย้อนแย้งกับสิ่งที่ฝ่ายบริการเคทีชี้แจงต่อที่ประชุม เพราะใน RFP ดังกล่าวนั้นแม้จะระบุว่า เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเป็นผู้ใช้บริการโครงข่ายสื่อสารของบริษัทในระยะยาว 30 ปี แต่ในการให้บริการนั้น บริษัทกรุงเทพธนาคม จะนำความจุท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินส่วนใหญ่ 80% ของโครงข่ายให้แก่ผู้ใช้บริการที่ชนะการคัดเลือก โดยผู้ใช้บริการสามารถใช้โครงข่ายสื่อสารดังกล่าวเพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมอื่นๆ ได้ และต้องชำระค่าตอบแทนการใช้โครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมให้แก่บริษัท ส่วนโครงข่ายสื่อสารที่เหลือนั้นจะให้ กทม. ใช้ประโยชน์และนำออกให้บริการด้วยตนเองบางส่วนด้วย
ทั้งยังตอกย้ำในข้อเสนอที่บริษัทสื่อสารที่เข้าร่วมจะต้องจัดทำข้อเสนอด้านแผนการตลาด โดยต้องเสนอรูปแบบทางธุรกิจและบริการ พร้อมประมาณการรายได้ แหล่งที่มาของค่าตอบแทนการใช้บริการ ตลอดจนกลยุทธ์ด้านการตลาดและการขายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโครงการ พร้อมหลักประกันซอง 500 ล้าน “หากเป็นเพียงการเปิดกว้างให้บริษัทสื่อสารผู้ใช้บริการอื่น ๆ เข้ามาเช่าใช้โครงข่ายท่อร้อยสายตามปกติ จะกำหนดเงื่อนไขการพิจารณาที่เลยไปถึงเรื่องของแผนการตลาด แหล่งที่มารายได้และค่าตอบแทนหรือค่าสัมปทานที่จะจ่ายแก่กรุงเทพธนาคมเพื่ออะไร ก็คิดเพียงค่าเช่าโครงข่ายตามอัตราที่กำหนดก็จบแล้ว”
สำหรับสาเหตุที่ทำให้กรุงเทพธนาคมกลับลำจนต้องยอมยกธงเปิดกว้างให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายอื่นๆ สามารถเข้าถึงโครงข่ายท่อร้อยสายสื่อสารของ กทม. ได้โดยตรงนั้นแหล่งข่าวกล่าวว่า น่าจะมาจากการเจรจากับทางทรูอินเตอร์เน็ตในเรื่องของเงินลงทุนที่จะต้องจ่ายล่วงหน้ามาให้กรุงเทพธนาคมลงทุนวางโครงข่าย ซึ่งไม่เป็นไปตามแผน ประกอบกับทาง กสทช. ยืนยันว่าการจะให้เอกชนรายอื่นรับเหมาช่วงโครงข่ายสื่อสารไปทำการตลาดต่อ ไม่สามารถทำได้เพราะขัดประกาศ กสทช. ทำให้ต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนโดยกรุงเทพธนาคม รับที่จะให้บริการเอง