หลังจากที่รัฐบาลประยุทธ์ 2 แถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จ ก็เดินเครื่องบริหารประเทศเต็มสูบ โดยเฉพาะประกาศิตของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ส่งสัญญาณไปยังบรรดาบอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ให้แสดงสปิริตลาออกนั้น.
บอร์ดรถไฟไขก๊อกตามยกชุด
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า นอกจากนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส ประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) จะประกาศลาออกจากตำแหน่ง ไปเมื่อวันเสาร์ ที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว
ยังมีรายงานว่า นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟท.) ได้เปิดเผยกับสำนักข่าว เนตรทิพย์ ออนไลน์ ว่า บอร์ดรถไฟฯ จะยื่นใบลาออกจาตำแหน่งทั้งคณะ ในวันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม 62 นี้ เพื่อเปิดทางให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ได้เลือกเฟ้นที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่แทน
ธรรมเนียมหรือหายนะ..
ขณะที่ "ดร.มานะ นิมิตมงคล" เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้โพสต์ เฟสบุ๊คในหัวข้อ "ธรรมเนียมหรือหายนะ" โดยระบุว่า..เป็นเรื่องจริงที่กรรมการรัฐวิสาหกิจต้องพากันลาออกเมื่อเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี เพราะถ้าไม่ลาออกก็จะถูกบีบให้ออก
แต่ธรรมเนียมปฏิบัตินี้มีเพื่อ “ประโยชน์อะไร” กับ “ใคร” กันแน่? เพราะไม่ง่ายเลยกับการที่ต้องสรรหากรรมการใหม่ให้ครบทุกรัฐวิสาหกิจ ราว 600 คน และอาจเกิน 1,000 คน เมื่อนับรวมบริษัทลูกด้วย ซึ่งควรเป็นคนเก่ง ดี ตั้งใจและรับผิดชอบในการทำหน้าที่กำกับดูแล กำหนดนโยบายและใช้อำนาจในการอนุมัตินโยบายและโครงการได้อย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้างขนาดใหญ่ที่มีมากมาย
เป็นกรรมการเพื่ออะไร..
"นักการเมืองนิยมแต่งตั้งพวกพ้องเข้ามามีตำแหน่งเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณกัน บ่อยครั้งจึงพบว่าตั้งคนไม่มีความรู้ที่เป็นประโยชน์อะไรเลยต่อรัฐวิสาหกิจ และเพราะคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจมีอำนาจในการกำหนดนโยบาย กำกับดูแล อนุมัติการสั่งซื้อและการลงทุน การส่งคนไปคุมไว้จึงเป็นจุดเริ่มต้นการครอบงำแทรกแซงรัฐวิสาหกิจในอนาคต"
ด้วยระบบราชการไทย ยังทำให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจจำเป็นต้องเสียเวลาวิ่งเต้นเอาใจรัฐมนตรีต้นสังกัดให้ช่วยผลักดันเรื่องให้ ครม. อนุมัติโครงการ อนุมัติงบประมาณ ทำให้ต้องเกรงอกเกรงใจหรือต้องให้ความร่วมมือ ยอมให้นักการเมืองล้วงลูก เป็นต้นว่า แต่งตั้งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการกองถึงระดับฝ่ายหรือสำนัก การให้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ งบการตลาด งบอุดหนุนการกุศล ไปใช้ในกิจกรรมที่นักการเมืองร้องขอ
บทเรียนเจ็บปวดของคนไทย..
ในภาพรวม รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ 45 แห่ง มีงบลงทุนราว 1.24 แสนล้านบาท มีรายได้กว่า 4 ล้านล้านบาท มีลูกจ้างพนักงาน 3.3 แสนคน หลายแห่งยังมีอำนาจในการกำกับดูแลอุตสาหกรรมและธุรกิจบริการที่สร้างผลประโยชน์ทางธุรกิจจำนวนมาก ทำให้ที่ผ่านมารัฐวิสาหกิจกลายเป็นช่องทางหาประโยชน์ของนักการเมืองและผู้บริหารที่ฉ้อฉลในรูปแบบต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้าง การลงทุน/ร่วมลงทุน การให้สิทธิ/สัมปทาน ดังที่เคยเกิดขึ้นในกรณี การซื้อเครื่องบินของการบินไทย โครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะฯ การปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย เป็นต้น
บ่อยครั้งมีการใช้เงินทำโครงการใหม่ๆ ที่หวังเพียงสร้างคะแนนนิยมกับฐานเสียงของพรรคการเมือง โดยไม่สนใจว่าโครงการนั้นจะคุ้มค่าหรือไม่ จะเสียหายหรือขาดทุนเพียงใด ไม่สนใจด้วยว่าแผนดำเนินงานและยุทธศาสตร์ของรัฐวิสาหกิจนั้นจะวางไว้อย่างไร เช่น การสร้างสนามบินในบางจังหวัด
บทสรุป..
ขอให้ท่านรัฐมนตรีทั้ง 10 กระทรวงที่มีรัฐวิสาหกิจในสังกัด ตระหนักว่าวันนี้ท่านไม่สามารถจิ้มเลือกคนของตัวเองไปลงตำแหน่งได้ง่ายๆ เช่นอดีตอีกแล้ว เพราะเพิ่งมีการประกาศใช้ “พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562” ดังนั้น หากวันนี้กรรมการรัฐวิสาหกิจต่างลาออกกันหมด จะสามารถหาคนใหม่มาแทนด้วยกฎเกณฑ์ วิธีการใหม่นี้ได้ทันเวลาหรือไม่
รัฐวิสาหกิจเป็นสมบัติของชาติ หลายปีมานี้จึงมีความพยายามปฏิรูปให้เป็นองค์กรที่ให้บริการประชาชนและทำธุรกิจได้อย่างมืออาชีพมากขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นของ “คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ (คนร.)” อดีตผู้อำนวยการ สคร. คุณกุลิศ สมบัติศิริ ที่วางมาตรการความโปร่งใสและธรรมาภิบาล คุณเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่เน้นเรื่ององค์ประกอบของคณะกรรมการที่มีความสามารถหลากหลายเหมาะสมกับรัฐวิสาหกิจนั้นๆ และผู้อำนวยการคนปัจจุบัน คุณประภาศ คงเอียด ที่กระชับกฎ กติกาและผลักดันกฎหมายการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจฉบับใหม่จนสำเร็จ
หมายเหตุ:สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์:
- อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: ลับ ลวง พราง..ตำแหน่งบิ๊ก ทล. จากแรงกระเพื่อมจากประกาศิตของเจ้ากระทรวงหูกวาง ส่งกระแทกถึงเก้าอี้ ”อานนท์ เหลืองบริบูรณ์” อธิบดีกรมทางหลวง สายตรงรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้ เป็นที่รับรู้กันว่า กรมทางหลวง คือ ”ขุมทอง” ของนักการเมือง เพราะในแต่ละปีมีเม็ดเงินงบประมาณลงทุนโครงข่ายถนนนับแสนล้านบาท จึงไม่แปลกใจที่ล่าสุด เกิดปรากฏการณ์ ”ลับ ลวง พราง” ขึ้นกับตำแหน่งอธิบดีกรมทางหลวง จนมีกระแสข่าวว่า มี ”กระสุน” ทางการเมืองปลิวว่อน!
- เนตรทิพย์:Exclusive: จับตากระสุนการเมืองปลิวว่อน! http://www.natethip.com/news.php?id=838)