ปัญหารถติดบนถนนพระราม 2 เริ่มที่จะเห็นภาพการแก้ไขชัดเจนขึ้นแล้ว ภายหลังจากที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ดูข้อเท็จจริงและเร่งแก้ไขปัญหารถติดบนถนนพระราม 2 ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างด้วยการขยายช่องทางคู่ขนาน ระยะทางประมาณ 10 กม. ก่อนที่จะก่อสร้างทางยกระดับบนถนนหมายเลข 35 ต่อเนื่องกันไปนั้น
จัดเป็นอีกหนึ่งในแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ได้จุดพลุประเด็นให้รถบรรทุกที่วิ่งในเส้นทางภาคใต้กว่า 6 หมื่นคัน จะวิ่งเข้ามายัง กทม. เพื่อไปสู่เส้นทางภาคตะวันออก ไปท่าเรือแหลมฉบัง สามารถนำรถบรรทุกเหล่านั้นไปใช้เส้นทางทางน้ำด้วยเรือหรือแพขนานยนต์ขนาดใหญ่ ณ จุดท่าเรือของกลุ่มสหวิริยาฯ ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อบรรเทาปัญหาจราจร
แนวคิดดังกล่าวนี้สอดคล้องกับธุรกิจของบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ซึ่ง ณ ที่นี้คงต้องมาดูศักยภาพกันว่า จะรองรับการบริการนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพขนาดไหน
ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ศิวะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ได้ให้รายละเอียดถึงศักยภาพของท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่แห่งนี้ว่า เป็นบริษัทในเครือสหวิริยา ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2533 ด้วยทุนจดทะเบียน 400 ล้านบาท บนพื้นที่ 600 ไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงคมนาคมให้ประกอบกิจการเป็นท่าเรือพาณิชย์สากล พร้อมให้บริการท่าเทียบเรือสำหรับเรือเดินทะเลพาณิชย์ และเรือบรรทุกสินค้าทั่วไป รวมถึงมีบริการรับฝากเก็บสินค้า และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
รองรับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่
“ท่าเรือประจวบ” เป็นท่าเรือนำลึกที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับธรรมชาติของท้องทะเล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตัวท่าเรือตั้งอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตก ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศเป็นร่องน้ำลึกโดยธรรมชาติ รองรับเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ มีระวางขับน้ำสูงสุด 110,000 เดทเวทตัน รองรับสินค้าผ่านท่าเข้า-ออก ได้ประมาณ 16,000,000 ตัน/ปี สิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องทุ่นแรง – คลังสินค้า ลานกองเก็บ เครนหน้าท่า มีเขื่อนกันคลื่น (Break Water) ลักษณะคล้ายบูมเมอแรง วางตัวขนานกับตัวท่าเรือ ซึ่งสร้างขึ้นจากวัสดุคอนกรีตหล่อสำเร็จรูป (Accropode) ทำหน้าที่รับแรงปะทะของคลื่นลม เพื่อให้สามารถจอดและทำงานได้อย่างปลอดภัย
บริษัทฯ มีมาตรฐานในการให้บริการสามารถรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมในท้องถิ่น และจังหวัดใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี ประเภทสินค้าที่มีการขนถ่าย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เหล็ก น้ำมันปาล์ม แร่ สินค้าบรรจุตู้ และสินค้าอื่นๆ เช่น เครื่องจักร สินค้าหนัก ฯลฯ ดังนั้นจึงรองรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ได้อย่างสบายๆ
ปัจจุบันบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ได้มีการขยายและพัฒนารูปแบบของการบริการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกประเภทต่าง ๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ
ดังนั้น ด้วยทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม ท่าเรือประจวบสามารถเป็นศูนย์กลางของการขนส่งสินค้าจากภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก ลงสู่ภาคใต้ตอนบน ซึ่งสามารถเชื่อมการขนส่งต่อเนื่องสู่ชายฝั่งทะเลอันดามัน เข้าสู่ประเทศพม่าและกลุ่มประเทศเอเชียใต้ (BIMSTEC)
เชื่อมโยงภาคใต้-ต่างประเทศ
“ท่าเรือประจวบ” ยังสามารถเชื่อมต่อการขนส่งกับภาคใต้ตอนล่างซึ่งเป็นการขนส่งสินค้าข้ามแดนไปยังประเทศมาเลเซียและต่อไปยังประเทศสิงคโปร์อีกด้วย จึงมีศักยภาพที่จะรองรับการขนส่งสินค้าทั้งการขนส่งภายในประเทศและการขนส่งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อมีการเปิดการค้าเสรีของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ดังนั้น ด้วยแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการรถบรรทุกจนได้ข้อสรุปว่า จะใช้วิธีการนำรถบรรทุกไปขึ้นเรือขนาดใหญ่ขนส่งจากจังหวัดประจวบ คีรีขันธ์ไปยังท่าเรือแหลมฉบังเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรบนถนนพระราม 2 อย่างยั่งยืนนั้น จึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด
คาดว่า ในเร็วนี้จะมีการทดสอบให้แน่ใจว่าไร้ปัญหา หากทำได้สำเร็จรถบรรทุกคงหมดไปจากถนนพระราม2 ช่วยเพิ่มความสะดวก รวดเร็วปลอดภัยได้อีกด้วย