ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์เฟสบุ๊คในหัวข้อ “บลูเทค ซิตี้ ลุ้นผังเมืองเปลี่ยนเป็นสีม่วง” โดยระบุว่า..
พื้นที่ชุ่มน้ำบางปะกง เป็นแหล่งที่ลุ่มรับน้ำตามธรรมชาติ และเป็นแหล่งผลิตลูกกุ้ง 50% ของกุ้งไทย 50% ของลูกปลาน้ำจืดไทย รวมถึงลูกปลากระพง 1,000 ล้านตัว/ปี
แผนผังพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย(ดูรูป 1) ด้านซ้ายจะเห็นสีน้ำเงินเข้มครอบคลุมพื้นที่บริเวณนี้กว้างขวาง ซึ่งสีน้ำเงินเข้มดังกล่าว ระบุความเสี่ยงอุทกภัยจะเกิดขึ้นทุก 2-5 ปี
ด้านขวามือแสดงพื้นที่น้ำท่วมที่รวบรวมข้อมูลจากดาวเทียม
* สีน้ำเงินจางเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากเป็นครั้งคราว โดยประสบน้ำท่วมขัง 1-3 ครั้งในรอบ 10 ปี
* สีน้ำเงินเข้มเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากบ่อยครั้ง โดยประสบน้ำท่วมขัง 4-7 ครั้งในรอบ 10 ปี
จะเห็นได้ว่าลักษณะภูมิศาสตร์ ในช่วงน้ำหลาก น้ำจะเอ่อจากแม่น้ำบางปะกงล้นออกไปขังเป็นบริเวณกว้าง ทั้งทิศตะวันตก และทิศตะวันออก แต่น้ำจะเอ่อล้นไปทางทิศตะวันออกอีกไกลมาก(ดูรูป 2) โดยมีแอ่งกระทะใหญ่ อันเป็นแก้มลิงธรรมขาติ อยู่บริเวณอำเภอพานทอง
ขณะนี้ มีโครงการนิคมอุตสาหกรรม 2 โครงการใหญ่ ที่กว้านซื้อที่ดินเตรียมไว้ คือโครงการ บลูเทค ซิตี้ และโครงการนิคมอมตะ 2
แผนที่รูปที่ 2 จะเห็นได้ว่า ถ้าโครงการนิคมอมตะ 2 เกิดขึ้น ก็จะพาดขวางการไหลเวียนของน้ำ ระหว่างแม่น้ำบางปะกงกับแอ่งกระทะ อำเภอพานทองอย่างจัง จึงมีชาวบ้านและนักวิชาการ ที่กังวลผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนโครงการ บลูเทค ซิตี้ นั้น นอกจากขวางทางไหลเวียนของน้ำในทิศทางเดียวกัน ยังวางตัวประชิดโค้งแม่น้ำบางปะกงอีกด้วย
ในแผนที่รูปที่ 1 ด้านซ้าย จะเห็นได้ว่าโครงการ บลูเทค ซิตี้ ตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยสูงสุด มีโอกาสเกิดขึ้นทุก 2 ปี จึงมีข่าวที่ไม่ยืนยันว่าโครงการนี้กำลังจะถมที่ให้สูงถึง 3 เมตร ถ้าเป็นจริง ก็จะกลายเป็นเนินเขาย่อมๆ ทีเดียว
ข่าวข้างล่างระบุว่า บริษัทเจ้าของโครงการ บลูเทค ซิตี้ กำลังลุ้นว่าผังเมืองจะเปลี่ยน จากพื้นที่สีเขียว ไปเป็นสีม่วง หรือไม่
ขณะนี้แผนการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เสนอ ครม. เท่านั้น
ผมขอตั้งคำถามถึง พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธาน อีอีซี ว่า คิดดีแล้วหรือ ที่จะเปลี่ยนผังเมือง เพื่อให้สร้างโรงงานอุตสาหกรรมในแหล่งผลิตอาหารทะเลหลักของประเทศ?
ไม่มีที่อื่นที่เหมาะสมอีกแล้วหรือ?
และที่ท่านออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ ๔๗/๒๕๖๐ ที่ระงับกระบวนการจัดทำผังเมืองปกติ ระงับการปรึกษาหารือหลายฝ่าย และระงับบทบาทของพลเมืองและชาวบ้านไปโดยสิ้นเชิง นั้น
เข้าข่ายทุจริตเชิงนโยบาย เพื่อเอื้อนายทุน เบียดบังวิถีชีวิตชาวบ้าน หรือเปล่า?
ท่านไม่เห็นความสำคัญของการผลิตอาหารแก่คนไทยดอกหรือ?
วันที่ 19 สิงหาคม 2562
ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala
(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)
หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/828826
ก่อนหน้านี้ นายคณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการสำนักงาน คณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ) ได้ชี้แจงถึงการจัดทำผังเมืองอีอีซี โดยยืนยันว่า ตรงกับผังเมืองหลัก เพราะดำเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ที่เป็นองค์กรหลักจัดทำผังเมืองทั่วประเทศและทำตามหลักวิชาการผังเมืองอยู่แล้ว โดยคำนึงถึงความสัมพันธ์กับชุมชนสุขภาวะประชาชนสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนอยู่แล้ว
ทั้งยังระบุ พ.ร.บ. เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2561 มีการจัดวางผังการใช้ประโยชน์ที่ดินที่สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนอยู่แล้วโดยกำหนดห้ามตั้งโรงงานห่างจากป่าไม้ไม่น้อยกว่า 1 กิโลเมตร กับที่ดินประเภทที่โล่งการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมบริเวณแหล่งน้ำโดยมีระยะห้ามตั้งโรงงานห่างจากริมฝั่งไม่น้อยกว่า 500 เมตรกำหนดประเภทการใช้ที่ดินอย่างเหมาะสม โดยน้ำพื้นที่ส่วนที่เหลือ มากำหนดการใช้ประโยชน์และกำหนดให้ 78% เป็นพื้นที่สีเขียว
นอกจากนี้ ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ได้มีการรับฟังข้อเสนอจากประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการรวมกว่า 40 ครั้งด้วยกัน ส่วนพื้นที่ที่มีปัญหาคือ พื้นที่บริเวณรอยต่อ จ.ฉะเชิงเทรา และชลบุรี บริเวณนิคมฯ อมตะซิตี้ โครงการ 2 ที่จะให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรมนั้น ไม่สาทารถทำได้ เพราะโครงการนิตมฯ ได้ผ่านขั้นตอนการจัดตั้ง จนประกาศเขตนิคมฯ ไปแล้ว เมื่อ 7 พ.ค. 61 รวมไปถึงพื้นที่บริเวณคลองระบม ต.เขาหินซ้อน ที่ถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่รองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมไปแล้วเช่นกัน เนื่องจากมีการประกอบกิจการมาก่อน แต่การจัดทำแผนผังที่เหลือได้กำหนดเขตชุมชนและเกษตรกรรมไว้อยู่แล้ว