ไม่บ่อยนักที่จะเห็นอดีต รมว.คลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.การบินไทย และรัฐวิสาหกิจทั้งหลายจะออกโรงวิพากษ์ ความล้มเหลวของการบินไทยอย่างตรงไปตรงมา
"การบินไทย วิกฤตแล้ว ทำไมต้องอุ้มด้วยเงินภาษี ปชช."
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า โดยอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เริ่องนี้เรื่อง ”การบินไทยน่าเป็นห่วงมาก” ครับ โดยระบุว่า สถานการณ์คล้ายๆ ปี 2551 ที่ทางบริษัทต้องวิ่งหมุนเงินโปะหนี้วันต่อวัน ในบทความนี้คุณบรรยงได้เน้นว่าที่สำคัญที่สุดคือต้องบริหารต้นทุนให้ลดลง
เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ในฐานะ รมต.คลัง ผมต้องยืนยันต่อสาธารณะว่า..
1. รัฐจะไม่เพิ่มทุนให้
2. รัฐจะไม่ค้ำประกันเงินกู้ให้เพิ่มเติม
และ 3. บริษัทต้องมีแผนฟื้นฟูโดยเร็วที่ต้องแสดงให้เห็นว่าต้นทุนจะลดลงอย่างไร
"คลังและคมนาคมยืนหยัดมั่นคงคู่กัน และเราเอาผู้บริหารใหม่เข้ามาพร้อมกรรมการที่เป็นมืออาชีพ (รวมถึงคุณบรรยง พงษ์พานิช ด้วย) ตรงนี้สำคัญมากๆ"
ผลคือการบินไทยกลับมากำไรได้ในปี 2552 และ 2553 แต่ผู้บริหารและกรรมการถูกปลดออกเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลในปี 2554 และจากนั้นการบินไทยก็ขาดทุนตลอดมาทุกปี
ในปี 2553 สถานะทางการเงินการบินไทยกลับมามั่นคง จนผู้บริหารสามารถทำตามนโยบายกระทรวงคลังได้ นั่นคือยกเลิกการค้ำประกันเงินกู้โดยรัฐในเกือบทุกสัญญาเงินกู้
วันนั้นพนักงานการบินไทยแซวท่านผู้จัดการใหญ่ ดร.ปิยสวัสดิ์ โดยเรียกท่านว่า “ปิย-ประหยัด” (และอาจจะมีชื่อที่หยาบคายกว่านั้น...) แต่ท่านก็สามารถทำในสิ่งที่ไม่มีผู้บริหารคนไหนทำได้ คือทำให้การบินไทยเข้มแข็ง มีกำไร
ลองอ่านบทความของคุณบรรยงดูครับ วันนี้ทางการเงินถือว่าวิกฤตแล้ว ไม่มีเหตุผลที่ดีว่า ทำไมคนไทยต้องอุ้มการบินไทยในสภาพนี้ด้วยเงินภาษีของประชาชน.. (อ่านเพิ่มเติม : Special Report: วิกฤติการบินไทย(1): การบินไทย..หนี้ท่วมฟ้า: http://www.natethip.com/news.php?id=948)
นักท่องเที่ยวมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นทุกปี สายการบินอื่นเขากำไรกันได้ แต่การบินไทยมีแต่ทรุดกับทรุด มันไม่ปกติครับ ด้วยความรักและเป็นห่วงการบินไทยอย่างมาก
"ในฐานะ ส.ส. ผมจะนำเรื่องนี้เสนอรัฐบาล และหวังว่าจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน"
อย่างไรก็ตาม อ่านความเห็นของอดีต รมว.คลัง ข้างต้นแล้ว.... มันสะท้อนความล้มเหลวของคลัง-คนร.เอง สั่งจัดทำแผนฟิ้นฟู ปฏิบัติตามแผนฟิ้นฟูมาร่วม 5 ปีเข้าไปแล้ว นอกจากจะไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ กลับเห็นแต่ความย่อยยับขาดทุนบักโกรก
แผนฟื้นฟูกิจการเท่าที่สาธารณชนได้เห็นได้ประจักษ์ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มีอยู่เรื่องเดียวก็คือ การขอจัดซื้อฝูงบินใหม่ 38 ลำ 1.2- 1.5 แสนล้านเท่านั้น ที่เห็นเป็นรูปประธรรม
ส่วนแนวทางการแก้ไข และฟื้นฟูด้านอื่น เท่าที่ดำเนินการไป ไม่ว่าจะเป็นการสังคายนาระบบการจองตั๋ว การตัดขายทรัพย์สินที่ไม่มีความจำเป็นลง ปรับเปลี่ยนเส้นทางบิน หรืออื่นๆ นั้น กลับไม่สามารถที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์ของการบินไทยให้ดีขึ้นแม้แต่น้อย และยังคงคาดหวังที่จะให้รัฐบาล ไม่ว่าจะชุดไทย ไฟเขียวการจัดซื้อโฟวินใหม่ เป็นทางออกเดียวเท่านั้น
ราวกับว่า หากชาตินี้การบินไทยไม่ได้จัดซื้อฝูงบินใหม่ตามแผนจัดหา ที่วางไว้ก็คงไม่มีหนทางที่จะ แก้ไขวิกฤต ของการขาดทุนบักโกรกที่เผชิญอยู่นี้ได้
โปรดติดตาม ตอนที่ 3