ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ (19 สิงหาคม 2562) นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ได้โพสต์เฟสบุ๊ค (ข้อมูลต่อเนื่อง) ในหัวข้อ "การบินไทย....การบินใคร? สายการบินแห่งญาติ?"
โดยระบุว่า..ผมวิเคราะห์ปัญหาพื้นฐานที่ "การบินไทย" เผชิญอยู่ไว้ 4 ข้อใหญ่ ซึ่งขอสรุปสั้นๆ อีกทีนะครับ
1. อุตสาหกรรม Airline เป็นอุตสาหกรรม "ปราบเซียน" ถือว่าดำเนินการได้ยากยิ่ง และมีการแข่งขันสูง แทบทุกคนต้องเข้าสู่ Global Competition อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนที่ขาดความสามารถแท้จริง ไม่สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงได้ทัน ย่อมไปไม่รอด เหมือนกับอดีตสายการบินชั้นนำหลายสิบแห่งในโลก ที่ล้มหายตายจาก หรือถูกควบถูกกลืน จากคนที่เก่งกว่า
2. สภาพความได้เปรียบ ที่ "การบินไทย" เคยมี ได้เปลี่ยนไป จางหายไปหมดแล้ว ทั้ง 4 ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง -ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ -สิทธิการบิน –ฐานต้นทุนต่ ำ-วัฒนธรรมการให้บริการ
3. สภาพการเป็น "รัฐวิสาหกิจ" ที่ทำให้ไม่คล่องตัว ติดกฎระเบียบเยอะแยะไปหมด แถมกระบวนการไม่ได้มุ่งเน้นการมีประสิทธิภาพในการแข่งขัน
4. ลักษณะ "คณะกรรมการ" ซึ่งเป็นองค์คณะสูงสุดในการบริหาร ไม่ได้มีที่มา และคุณสมบัติ เหมาะสมที่จะบริหารเพื่อประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด แถมยังถูกแทรกแซงจากผู้มีอำนาจแท้จริงภายนอกตลอดเวลา ทำให้การบริหารบิดเบี้ยวไปมาก
....วันนี้ขอต่อด้วยปัญหาอีกสองข้อใหญ่ นะครับ โดยทุกข้อจะเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องจากปัญหาข้อก่อนๆ
5. คณะผู้บริหาร "ส่วนใหญ่" ขาดคุณภาพ ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีความทุ่มเท และมีไม่น้อยที่ไม่ซื่อสัตย์
ตลอดเวลาที่ผมร่วมเป็นคณะกรรมการอยู่สองปีเศษ ถึงแม้ว่าจะได้พบได้เจอผู้บริหารที่ดี มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ ทุ่มเทรับผิดชอบจริง ตลอดจนน่าจะซื่อสัตย์อยู่หลายท่าน แต่ต้องขอเรียนอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกที่ผมขอสรุปว่า "คุณภาพไม่ถึง ความทุ่มเทไม่เห็น ความโปร่งใสน่าเคลือบแคลง" มีมากกว่าหลายเท่าตัวนัก
เชื่อไหมครับ... ตอนเข้าไปในปี 2552 มีผู้บริหารระดับ Vice President ขึ้นไป ถึงกว่าห้าสิบคน ที่ "ถูกแขวน"... คือ ไม่มีงานให้ทำ ถูกย้ายออกมาจากหน้าที่เดิม เพราะไม่ถูกใจ หรือไม่ก็ไปเกะกะขวางทางท่านผู้บริหารสูงสุด หรือคณะกรรมการชุดก่อนๆ ...
พวกนี้ทุกคนยังมีตำแหน่ง มีรถประจำ มีเลขาฯ หน้าห้อง มีเงินเดือนเต็ม ได้ขึ้นตามปกติเท่าอัตราเฉลี่ย มีโบนัส มีสวัสดิการครบ ไม่มีอยู่อย่างเดียวครับ...ไม่มีงานให้ทำ หรืออย่างมากก็ทำไม่ถึงครึ่งของที่ควร ...เค้าไม่เลิกจ้าง ไม่ไล่ออก (เพราะไม่มีความผิด) แต่แขวนไว้เฉยๆ
ถามว่า...ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร จะขอสาธยายเป็นข้อๆ นะครับ
ข้อแรก การเป็น "รัฐวิสาหกิจ" ที่มีระบบบุคคลากร คล้ายๆ กับระบบข้าราชการ คือ ไม่มีการให้ความดีความชอบตามผลงานแท้จริง ระบบ KPI ถึงจะมี ก็ไม่สะท้อนถึงผลงานที่ผูกพันสอดคล้องกับผลงานองค์กร คนที่ไม่มีความผิด ก็อยู่ได้เติบโตไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องมีผลงานอะไร เงินเดือนโบนัสก็เกลี่ยๆ เท่าๆ กันตลอด เข้ามาแล้วก็สามารถเป็น "Lifetime Employee" ได้ทุกคน เช้าชาม เย็นครึ่งชามก็ไม่มีใครว่า ขออย่าทำผิด อย่าขวางใครก็พอ
ข้อที่สอง สืบเนื่องจากปัญหาข้อ 4 ที่ว่าไว้เมื่อตอนที่แล้ว การเลือก การเลื่อนตำแหน่งผู้บริหาร ไม่ได้เป็นไปตาม Merit Base คือ ไม่ได้เป็นไปตามความสามารถทุ่มเท หรือผลงาน ไม่เกี่ยวกับค่าของคน แต่ขึ้นอยู่กับว่าเป็น "คนของใคร" เสียเป็นส่วนใหญ่ ตอนที่ผมเป็นกรรมการ ท่านประธานฯ ขอร้องอย่ารับ "ฝาก" จากใคร ไม่ว่าจะเข้างานหรือเลื่อนตำแหน่ง ซึ่งเอาเข้าจริงก็ยังมีประปราย พอผมบ่น ท่านก็อธิบายว่า "รับเท่าที่จำเป็นจริงๆ...แต่เค้าก็มีฝีมือเหมือนกันนะ" ..เป็นซะอย่างนี้ ผมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดที่สุด จนเพื่อนฝูงประนามไปทั่ว... "ไอ้เตามันไม่ไหว...ไม่เอาพรรคพวก พึ่งพาอะไรไม่ได้ เสียแรงรู้จักชอบพอ" (ไม่น่าเชื่อ เวลามีการทดสอบรับลูกเรือทีไร...ผมได้รับโทรศัพท์จากผู้มีส่วนรับผิดชอบ "ท่านบรรยง ไม่ฝากใครหรือครับ" พอผมโวยวาย เค้าก็บอกว่ามีฝากกันทุกคน) ผมเคยเสนอว่า ให้ตั้งเป็นกฎ ถ้าใครมีคนฝากให้หักครั้งละ 1 คะแนน พอครบ 5 คะแนน ให้ Disqualify กรรมการอื่นๆ มองหน้า ไม่พูดอะไร คงคิดว่า "ไอ้เตามันบ้า ไม่รู้จักยืดหยุ่น ไม่แบบไทยๆ ซะเลย" ผมก็เลยไม่กล้าบ้าดันทุรังต่อ
เชื่อผมเถอะครับ...องค์กรใดก็ตาม ถ้าการให้รางวัลคน การเลือนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ไม่ได้เป็นไปตาม Merit Base องค์กรนั้นก็รอเวลาล่มสลายได้เลย คนดี คนเก่ง ใครเขาจะมาทน นอกจากพวกที่ได้ประโยชน์กับระบบแบบนี้ กับพวกโหลยโท่ย ไม่มีทางเลือกแล้ว คนที่เขามีที่ไป เขาก็เผ่นหมด ...
จริงๆ แล้วเรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นกับข้าราชการทั่วไป กับรัฐวิสาหกิจแทบทุกแห่ง แต่บังเอิญที่นี่ต้องแข่งกับคนที่เขาเก่งที่สุดในโลก อาการถึงออกชัดเจน
ข้อที่สาม ถึงแม้ค่าใช้จ่ายบุคคลากรโดยรวมของการบินไทย เมื่อเทียบกับรายรับ และขนาด Capacity โดยรวม จะอยู่ในสัดส่วนที่สูงกว่าคู่แข่งเกือบทุกราย แต่สำหรับระดับเงินเดือนของผู้บริหารแล้ว นับว่าต่ำอย่างมากจริงๆ ถึงแม้เงินเดือน DD จะได้เดือนละ 1 ล้านบาท ก็ไม่นับว่าสูงอะไรสำหรับกิจการที่มีรายได้รวมปีละสองแสนล้านบาทอย่างนี้ (นับว่าค่อนข้างต่ำมากทีเดียว)
ยิ่งอันดับถัดไป ไม่ถึงหนึ่งในสามสักคน อย่าง CFO (รองด้านการเงิน) ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญมาก ได้เงินเดือนแค่ 180,000 บาท นับว่าต่ำมากจนน่าตกใจ ถึงแม้ที่นี่ลักลั่น ให้บริษัทจ่ายภาษีให้ (สหภาพไม่ยอมให้เลิก) แต่แม้รวมภาษีไปก็แค่สองแสนต้นๆ ไม่มีทางที่จะหาคนคุณภาพจากตลาดทั่วไปได้แน่ ผมเคยปรารภในที่ประชุมถึงเรื่องนี้ มีกรรมการอาวุโสท่านหนึ่งกรุณาอธิบายว่า "คุณบรรยง ...ที่นี่น่ะเงินเดือนไม่มีความหมายหรอก เค้าไม่ให้เงิน เค้าให้เขี้ยว แล้วให้ไปล่าเนื้อเอาเอง" ผมฟังแล้วแปลความหมายไม่ออก ตีความกันเอาเองนะครับ
นี่แหละครับ...สภาพของผู้บริหาร (ผมเน้นอีกทีนะครับ...ผมพบว่ามีผู้บริหารที่ดี ที่เก่งหลายท่าน บางท่านก็ไม่ได้ดิบได้ดี ไม่ได้โอกาสทำงานเต็มที่ แต่มีผู้บริหารที่วิ่งเต้นเก่ง คุณภาพโหลยโท่ย ในจำนวนที่มากกว่า) พอเป็นอย่างนี้ ก็น่าจะประมาณได้ว่า ระดับถัดๆ ไปนั้นจะเป็นอย่างไร?
โปรดติดตาม ตอนที่ 7