ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า วันนี้ (19 สิงหาคม 2562) นายบรรยง พงษ์พานิช อดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ได้โพสต์เฟสบุ๊ค (ข้อมูลต่อเนื่อง) ในหัวข้อ ”บินไทย..ขาดวางแผนด้านกลยุทธ์!” โดยระบุว่า
6.การขาดเครื่องมือ ข้อมูล และความสามารถในการกำหนดกลยุทธ์ ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว
อย่างที่วิเคราะห์ไว้ในข้อ 1 และข้อ 2 การแข่งขันที่เข้มข้น การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม การที่เป็นกิจการที่ต้องลงทุนสูงตลอดเวลา ในขณะที่ภาวะตลาดผันผวนสูง ทำให้การวางแผนกลยุทธ์เป็นเรื่องสำคัญ ตั้งแต่แผนระยะยาว ว่าจะวางPosition ตัวเองอย่างไร ลงทุนซื้อเครื่องแบบไหน วางเก้าอี้อย่างไร มี class ใดเท่าไหร่ แผนระยะกลาง ว่าจะเปิดบินเส้นทางหลักใดบ้าง Slot เวลาใด
รวมไปถึงแผนกลยุทธ์ระยะสั้นที่จะต้องปรับตัวตอบโต้กับการแข่งขัน กำหนดราคาแต่ละ class แต่ละช่วงเวลา ปรับเส้นทางบิน กลยุทธ์โปรโมชั่นต่างๆ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่มีพลวัตสูง นอกจากจะต้องมีความรู้ความชำนาญ มีความสามารถสูง ยังต้องมีข้อมูลสารสนเทศที่ละเอียดทันเวลา และมีเครื่องมือด้าน IT ที่มีคุณภาพสูง เรียกได้ว่าต้องใช้โปรแกรมประเภทที่เรียกว่าเป็น Super Multiple Linear Programming มาช่วยวิเคราะห์ มาช่วยตัดสินใจ
การบินไทย เป็นสายการบินเก่าแก่ ตั้งใจจะเป็น Premium Airlines มาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยทบทวนกลยุทธ์ ...
นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า ประเทศไทยเป็น Leisure Country ควรเน้นชั้นประหยัดที่ประหยัดจริงๆ ส่วนที่เป็น First กับ Business Class นั้นต้องมีตามสมควร และต้องดีแข่งขันได้ แต่ส่วนที่เป็น Economy ต้องประหยัดจริงๆ คือ เก้าอี้เล็ก Leg Room ไม่ต้องกว้าง บริการไม่ต้องดีสุดๆ (การบินไทยให้บริการในชั้น Economy ค่อนข้างดีโดยเปรียบเทียบกับคู่แข่ง) เพราะคนเดินทางส่วนใหญ่เค้าต้องการราคาถูก ไม่ได้ให้ราคาคุณค่ากับสิ่งที่เราพยายามจัดให้ (ซึ่งทุกอย่างมีต้นทุน)
เรื่องพวกนี้มีความสำคัญมากเพราะเกี่ยวกับการวางแผนจัดซื้อฝูงบิน รวมไปทั้งการจัดวางเก้าอี้ การวางแผนเส้นทางบิน และการลงทุนในการให้บริการ (อย่างหลักการของ Low Cost Carrier คือ เขาจะไม่ขายสิ่งที่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ต้องการซื้อ เช่น ในการบินระยะสั้นๆ ลูกค้าไม่ต้องการซื้อleg room อีกสองนิ้วที่ราคาแพงขึ้น 10% หรือ อาหาร ซึ่งแน่นอนว่าการกินข้าวแกงที่ต้นทางหรือปลายทาง มันถูกและอร่อยกว่า มากินบนฟ้าที่ต้นทุนแสนแพง ..แค่เงินเดือนคนเสิร์ฟก็ล่อไปเป็นแสนต่อเดือนแล้ว เป็นต้น)
ค่อนข้างแน่ว่า การบินไทยตัดสินใจผิดหลายครั้ง ในการลงทุนเรื่องเครื่องบิน อย่าง Airbus A340-500 4 ลำ ที่ซื้อมารวมเกือบ 600 ล้านเหรียญ เพื่อบินตรง นิวยอร์ค กับ LA ก็นับได้ว่าสูญเปล่า บินขาดทุนทุกเที่ยวจนต้องหยุด จอดไว้เฉยๆ ขายก็ไม่มีใครซื้อ หรือแม้กระทั่งเจ้ายักษ์ A380 ที่มี 6 ลำ ก็ได้ข่าวว่าขาดทุนตลอด ไม่มีคนเต็ม บางเที่ยวมีไม่ถึงครึ่งลำ ที่เคยวางแผนจะไปบิน London ก็ไม่มีคนนั่งพอ ทราบว่าตอนนี้ A380 แทบไม่มีใครสั่งซื้อ จะขายทิ้งก็คงลำบาก เคยมีคนติว่า การตัดสินใจซื้อเครื่องบินของการบินไทย อยู่ที่ว่าเอเย่นต์อยากขายอะไรรุ่นไหน มากกว่าควรซื้ออะไร (ทั้งสองรุ่น ซื้อก่อนผมเป็นกรรมการครับ) นี่ไม่นับรวมไปถึงการมีเครื่องยนต์ 3 ยี่ห้อ ซึ่งทำให้ต้นทุน Maintenance สูงขึ้น เพราะน้าชาติอยากให้ซื้อ Pratt & Whitney จาก United Technology ที่ใกล้ชิดกับพรรค Republican เพื่อให้ท่านสุรเกียรติ ได้ไปเจรจาต่อสายตรงกับทำเนียบขาวสมัยท่าน Bush ผู้พ่อ หรือการซื้อเครื่อง Rolls Royce สมัย รสช. (Queen ลงทุนเสด็จมาเยี่ยมถึงอู่ การบินไทยเลยทีเดียว)
ช่วงที่ผมเป็นกรรมการ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่น่าเชื่อ เมื่อการบินไทยไปเช่าเหมาลำเครื่องบินเฉพาะขนส่งสินค้า (Cargo) มาสองลำในราคาค่าเช่าสูงลิบลิ่ว ชนิดที่เรียกได้ว่า บินตลอดเวลา มีสินค้าเต็มตลอด ยังขาดทุนเลย ...
สืบสวนได้ความว่า มีการเลี่ยงบาลี ไปใช้เกณฑ์ เช่า Space เช่าพื้นที่ขนส่ง (แต่แมร่งเช่า 100% ตลอดเวลา) ทั้งๆ ที่เรายังมี Capacity ใต้ท้อง (Belly) เครื่องโดยสารปกติเหลืออีกเยอะ เรียกว่า ไปเช่าเพราะมีคนอยากให้ไปเช่าโดยไม่สมควร แล้วใช้วิธีการเพื่อหลบเกณฑ์การเช่าเครื่องบินที่ต้องให้คณะกรรมการอนุมัติ เป็นเรื่องทุจริตชัดเจน มีการลงโทษผู้เกี่ยวข้อง
แต่ก็นั่นแหละ การบินไทยก็ขาดทุนจากรายการนี้ไปกว่าพันล้านบาท สุดท้ายต้องยอมเสียค่าปรับ ยกเลิกคืนเครื่องไปก่อนกำหนด
ข้อมูล และระบบ IT เป็นเรื่องสำคัญมากในธุรกิจสายการบิน ข้อมูลต้องครบ เป็น Realtime และมีการประมวลผลที่ดี เพื่อนำมาใช้ในการวางแผนวางกลยุทธ์ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อวางแผนเส้นทาง ตลอดไปจนการกำหนดราคา แต่ละClass แต่ละช่วงเวลา ...
ความจริง การบินไทยมีการลงทุนในด้าน IT ไม่น้อย แต่ผมสังเกตว่า ผลที่เอามาใช้ได้ค่อนข้างน้อย ไม่สามารถมีระบบข้อมูลที่ครบถ้วนทันการ ไม่มีกลไกประมวลผลที่ทันสมัย ...เท่าที่ผมทราบ สายการบินที่ดี เขาจะสามารถคำนวณรายละเอียดรายได้ ต้นทุน ของทุกเที่ยวบินได้เป็น Realtime ตลอดเวลา ประมาณว่า พอปิดประตูเครื่อง จะขึ้นบิน ก็รู้ได้เลยว่าเที่ยวบินนี้จะกำไรขาดทุนเท่าใด แต่ของการบินไทย ผ่านไปกว่าเดือน กว่าจะปิดบัญชีรายไตรมาสเสร็จ ต้องนั่งรอลุ้นกันว่า ผลประกอบการสุทธิ จะเป็นอย่างไร (ธุรกิจสมัยนี้ เขารู้กำไรขาดทุนกันเป็นรายวันครับ)
เรื่องระบบ IT เป็นปัจจัยสำคัญมาก (ผมมีความรู้เรื่องนี้ค่อนข้างน้อย แต่แน่ใจว่า ของเราถึงจะลงทุนไปมากแต่ใช้ประโยชน์ได้น้อย) ขอยกตัวอย่างนะครับ สายการบินตะวันออกกลาง เช่น Emirates กลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญในการบินไปยุโรป เช่น London Paris ทั้งๆ ที่ผู้โดยสารต้องแวะพักครั้งหนึ่ง ที่ Dubai แต่เขากลับขายตั๋วได้ในราคาถูกกว่าการบินไทยมาก ในขณะที่เราบินตรง ...
โดยหลักแล้ว การที่เครื่องต้องแวะจอด ต้องมีต้นทุนสูงกว่าเครื่องบินตรงอย่างค่อนข้างแน่นอน ที่เขาขายถูกได้ก็เพราะ เขาขายตั๋ว BKK - London โดยถือเป็น Marginal Revenue เพื่อเติมเครื่อง Bkk - Dubai และ Dubai - London ที่ปกติมี Load Factor แค่ 80% ให้เต็ม ดีกว่าทิ้งที่ไว้เฉยๆ แต่ทันทีที่เขามีข้อมูลว่าสองสายนั้นเที่ยวไหนมี Demand เพิ่มกว่าปกติ เขาก็จะหยุดขาย BKK - London ทันที ซึ่งการจะทำอย่างนั้นได้ ระบบต้องเป๊ะ เป็น Realtime สถิติต้องแม่น ซึ่งระบบของการบินไทยยังมีศักยภาพห่างไกลที่จะทำเช่นนั้นได้ แถมยังต้องพึ่งพาให้อำนาจพวกเอเย่นต์เยอะ กว่าจะรู้ว่า เที่ยวไหนเหลือเบะ ก็ปาเข้าไปวันบินแล้ว ทุกคนเคยเจอเหตุการณ์ จองไม่ได้..แต่พอขึ้นเครื่องไป ที่ว่างบานเบอะมาแล้วแทบทั้งนั้น (นี่ไม่นับว่า..มีการทำให้ที่ว่างโดยเจตนา เพื่อพวกมีสิทธิ์พิเศษตามที่มีข่าวลือตลอดมา)
ตอนผมเป็นกรรมการ เคยมีการเสนอกรอบลงทุน IT ไว้สูงถึงกว่าห้าพันล้านบาท พอถามว่าจะทำอะไรบ้าง เค้าก็ตอบแค่ว่า British Airways ลงทุนตั้ง 8,000 ล้าน คณะกรรมการจึงยังไม่ยอมอนุมัติ ขอดูรายละเอียดทั้งหมดก่อน ผมออกมานานแล้ว ไม่ทราบว่าไปถึงไหน มีประสิทธิภาพแค่ไหนแล้ว
พอไม่มีข้อมูล ไม่มีเครื่องมือ...การวางกลยุทธ์ทุกอย่าง เลยต้องพึ่ง "กึ๋น" พึ่งประสบการณ์ วิจารณญาณ การจะวางแผนเส้นทาง วางแผนตลาด เลยต้องลองถูกลองผิด เกิดเป็นต้นทุนแอบแฝงอยู่ไม่น้อย แถมข้อมูลและเครื่องมือต่างๆ ที่จะนำมาใช้วิเคราะห์การเงิน วิเคราะห์กระบวนการต่างๆเพื่อพัฒนาปรับปรุงยังไม่มี ทำให้ต้องบริหารแบบเดาสุ่มไปเรื่อยๆตลอดมา
เช่นเคยนะครับ...วันนี้ผมวิเคราะห์เสียยาวเท่าที่ผมรู้ ต้องขอยกยอดไปต่อตอน 4 ซึ่งจะพูดถึงปัญหาข้อสุดท้าย ซึ่งเป็นผลรวมของปัญหาทั้ง 6 ข้อข้างต้น นั่นคือ "การบินไทย...ต้นทุนสูงเท่าฟ้า" ซึ่งเป็นจุดตายในการแข่งขัน แล้วหลังจากนั้นก็จะขอบังอาจเสนอแนะวิธีแก้ (ที่ผมทำเองไม่ได้ และทำเองไม่เป็น) นะครับ..รออ่านนะครับ