ในเรื่องของ ”การพูด” นั้น คือเป็นจุดที่ มีความสำคัญและสร้างให้เกิดการหักเหเปลี่ยนแปลงมากที่สุด
เพราะ ”คำพูดบางคำก่อให้เกิดสงคราม หรือสร้างให้เกิด สัมพันธไมตรี” ได้สุดโต่งทั้งสิ้น
กระบวนการในการพูดนั้น มีประเด็นที่จะต้องให้ความสำคัญอย่างมาก 10 สิ่งคำนึง สำคัญยิ่งในกระบวนการพูด คือ..
1. จะพูดไปเพื่ออะไร ปัจจัยนี้เป็นต้นน้ำสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีความหมายการพูดนั้นก็ไร้ความหมาย หลายครั้งที่เราเห็นตัวอย่างการพูดที่สำคัญในระดับชาติที่เรียกว่า การอภิปรายในรัฐสภา ที่มีการหยิบยกประเด็นและมีการคัดค้านในเรื่องที่ ไม่มีความหมายอะไรที่เป็นประโยชน์เลย แต่เราก็ชอบ จนกลายเป็นวัฒนธรรมทางการพูดในแบบไทยๆ ขอค้านขอให้ถอนกันสัพเพเหระกันทุกครั้งไป
2. ทำไมเราจึงจะต้องพูดในสิ่งนั้น สิ่งที่จะนำมาพูดนั้นมันมีเหตุผลเพียงพอต่อการสูญเสียทรัพยากรในการพูดแล้วหรือยัง หลายครั้งที่เราพูดไปเรื่อยเปื่อย แบบที่เราชอบเรียกว่าพูดแบบไม่คิด
3. จะพูดอย่างไรจึงจะสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ และความหมายในการพูดนั้น
4. คิดถึงผู้ฟังทุกครั้ง ว่าสิ่งที่เราพูดนั้นใครจะเป็นผู้ฟังฟังด้วยเหตุผลใด
5. พูดให้เข้าประเด็น ให้ได้แก่นให้ได้สาร ให้ได้สาระ ตามความมุ่งหวัง ด้วยการฝึกซ้อมมาอย่างดี เราทุกคนล้วนเคยมีประสบการณ์ที่หลายครั้งต้องนั่งฟังผู้พูด พูดอย่าง ไร้แก่นสาร เนื้อหาไม่เข้าประเด็น หรืออาจจะเข้าในช่วงต้นแล้วพูดลากยาว เสมือน ไม่ค่อยจะมีคนฟังในสิ่งที่เขาพูด เมื่อมีโอกาสพูดจึงพูดเป็นต่อยหอย
6. บรรยากาศ กาลเทศะในการพูด การพูดจำเป็นจะต้องเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสนใจในเรื่องราวที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันในสาขานั้นๆ ไม่ใช่เป็นการทะลุกลางปล้องขึ้นมา โดยไม่สอดรับกับบุคคล เวลา และสถานที่นั้นๆ
7. พูดอย่างสร้างสรรค์ พูดอย่างหวังผลว่าจะให้เกิดสิ่งดีงาม อันนี้จะเป็นดราม่าอย่างมากในสังคมไทย เพราะเวลาคนพูดจาดีๆคนไม่ค่อยสนใจ จะพูดจาถากถางต่อว่า หรือมีคำบุญแรงหยาบคาย กลับเรียกร้องความสนใจได้อย่างมาก จนทุกวันนี้วัฒนธรรมในการสื่อสาร ผ่านเครื่องมือสื่อสารต่างๆ เต็มไปด้วยการเปิดหัวที่รุนแรงหยาบคาย ใช้ภาษาหรือคำสบถมาเป็นองค์ประกอบดึงดูด ซึ่งเป็นการหล่อให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ซึมซับความหยาบคายให้กลายเป็นปกติ จนปัจจุบันนี้มีผู้ดำเนินรายการพิธีกรต่างๆมากมายที่ใช้คำว่าที่รุนแรงไม่เหมาะสม ในสื่อสาธารณะอย่างเห็นได้ชัด
8. ไม่พูดจากลิ้งกลอก หลอกล่อ ใช้ไหวพริบปฏิภาณในทางที่เป็นมิจฉาทิฐิ มอมเมา โฆษณาชวนเชื่อโดยเฉพาะใช้กับผู้ที่ด้อยความรู้ประสบการณ์มากกว่า เพื่อนำไปสู่การแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน
9. ห้ามพูดด้วยการถืออำนาจบาตรใหญ่ ถือโอกาส ด้วยการที่เป็นผู้ที่ ได้รับมอบอำนาจมาจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ข้าราชการ หรือแม้กระทั่งผู้ที่มีบทบาทหน้าที่หลายสถานะ ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับนักการเมือง ซึ่งหลายครั้งจะเห็นว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ในการพูดยกตัวเองหรือข่มขู่มากเสียยิ่งกว่าผู้มีอำนาจที่แท้จริงเสียอีก
และ 10. มีศิลปะการพูด ต้องรู้และเข้าใจมนุษย์จึงจะถือได้ว่าการพูดนั้นสามารถนำพาไปสู่ประโยชน์แก่ส่วนรวม เข้าใจความต้องการและธรรมชาติของมนุษย์ เราอยากได้สิ่งดีสำหรับตัวเราอย่างไร ผู้อื่นก็อยากได้เช่นเดียวกัน
การตระหนักรู้ถึง การอยู่ร่วมกันในสังคม การพูดจาปราศรัยสื่อสารกัน เป็นหัวใจสำคัญยิ่งเพราะจะนำไปสู่ความรักสามัคคีหรือความแตกแยกได้ด้วยเพียงการพูด การพูดยุแหย่ บทให้เกิดการทำลายและแตกแยก มันเกิดขึ้นในประเทศลาวมาช้านาน หากเราใช้สติปัญญาและฝึกร้องอย่างลึกซึ้ง
เราจะมองเห็นภาพชัดเจน ระหว่างการพูดเพื่อสร้างสรรค์และการพูดเพื่อทำลาย ซึ่งจะทำให้เราสามารถยืนอยู่บนจุดยืนที่เหมาะที่ควรที่เป็นส่วนสร้างสรรค์ประเทศชาติได้ เราเสียเวลากันมามากมายกับการติดอยู่ในกับดักและตกเป็นเหยื่อของเครื่องมือแห่งการสื่อสาร กลยุทธ์ทางการข่าว เช่น IO ซึ่งเดิมเป็นกลยุทธ์ทางการทหาร เป็นยุทธพิชัยทั้งคัน ศึกสงคราม
แต่วันนี้กลับมาใช้เป็นเครื่องมือสร้างความปั่นป่วนในสังคม ไม่ใช่เพียงแค่ในวงการทหารและถูกนำไปใช้ในทุกวงการ โดยเฉพาะวงการในการทำลายความเชื่อหรือไม่เชื่อในกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง จนทุกวันนี้เป็นประเด็นสำคัญในสังคมที่เรียกว่า กลยุทธ์ข่าวลวง มีการสร้างข่าวเท็จข่าวปลอมขึ้นมามากมายเพื่อนำไปสู่การพูดกันในวงสังคมและนำมาซึ่งความแตกแยกและเห็นต่างอย่างรุนแรง
จาก 10 ปัจจัยดังกล่าว น่าจะเป็นบทสรุปสำคัญที่ทำให้เราเข้าใจถึงหลักในการพูด เพื่อนำไปสู่ การนำความคิดเห็นที่ดีและมีประโยชน์มา พูดคุยหารือปรึกษากันและนำพาไปสู่การลงมือทำที่สร้างสรรค์อย่างแท้จริงเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติ และโลกของเรา ซึ่งจะกล่าวถึงการลงมือทำในตอนถัดจากนี้ไปครับ
โดย..อภิชาติ ประสิทธิ์นฤทธิ์
นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์และพันธมิตร