
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 กรมสรรพากรเร่งดำเนินการแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน
จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าว กรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้ร่วมกันปฏิบัติการจับกุม นายชิตพล อัศวปกรณ์ ตำแหน่งนักตรวจสอบภาษีปฏิบัติการ สังกัดสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ฐานมีพฤติการณ์เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการ เพื่อแลกกับการคำนวณภาษีให้ต่ำกว่าความเป็นจริงนั้น
โดยกรมสรรพากรขอเรียนให้ทราบถึงการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ดังนี้..
1. กรมสรรพากรได้มีคำสั่งย้าย นายชิตพล อัศวปกรณ์ ออกจากตำแหน่งเดิมให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการให้บริการประชาชนหรืองานที่มีอำนาจพิจารณาทางภาษี เพื่อไม่ให้มีโอกาสเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐาน หรือใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบอีก การย้ายผู้ถูกกล่าวหาออกจากพื้นที่ปฏิบัติงานเดิมเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่สำนักงาน ป.ป.ช., บก.ปปป. และ ป.ป.ท. ในการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีอาญาได้อย่างเต็มที่และเป็นไปตามกฎหมาย
2. กรมสรรพากรเร่งดำเนินการแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วนและโปร่งใส เพื่อจะมีการลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ กรมสรรพากรขอให้ความมั่นใจแก่สาธารณชนว่า จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา รวดเร็ว และเป็นธรรม เพื่อธำรงไว้ซึ่งเกียรติภูมิของข้าราชการที่ดี และพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการทุจริตอย่างเต็มที่ พฤติการณ์ของเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ร้ายแรง เป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนและผู้ประกอบการที่มีต่อกรมสรรพากรและระบบภาษีอากรของประเทศ ซึ่งกรมสรรพากรเน้นย้ำในหลักการบริหารงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การเรียกรับสินบนถือเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมและวินัยข้าราชการอย่างร้ายแรง จะต้องมีการดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุดต่อไป

ป.ป.ท. ร่วม CIB-ป.ป.ช. รวบจนท.สรรพากรเรียกสินบน 1 แสนบาท เลี่ยงการเก็บภาษีเข้ารัฐ
ในวันเดียวกัน สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง และสำนักงาน ป.ป.ช. เข้าปฏิบัติการจับกุมนายชิตพลฯ อายุ 33 ปี ตำแหน่ง นักตรวจสอบภาษีปฏิบัติการ สังกัดสำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 104/2568 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2568 บริษัทของผู้กล่าวหาซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายอาหารเพื่อสุขภาพ ได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ บก.ปปป. กรณีถูก นายชิตพลฯ นักตรวจสอบภาษีปฏิบัติการ สำนักงานสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร 8 เข้าตรวจสอบภาษีประจำปี และเรียกเก็บค่าภาษีของปี 2566-2567 กับทางบริษัทฯ โดยมีการคำนวณภาษี ที่บริษัทฯ ต้องจ่ายให้แก่รัฐ ประกอบด้วย ค่าธุรกิจเฉพาะ (ภ.ธ.40) กรณีให้บริษัทกู้เงินลงทุน (บริษัทฯ คิดอัตราดอกเบี้ย 1 เปอร์เซ็นต์ต่อปี) ต้องมีการคิดดอกเบี้ยเงินได้ในอัตราร้อย 7 เปอร์เซ็นต่อปี รวมเป็นเงิน จำนวน 93,320.92 บาท , ค่าภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50) จำนวน 288,220.50 บาท รวมเป็นเงินที่ต้องชำระเพิ่มของปีภาษี 2566 และ ปี 2567 ทั้งสิ้น 381,541.41 บาท (สามแสนแปดหมื่นหนึ่งพันห้าร้อยสี่สิบเอ็ดบาทสี่สิบเอ็ดสตางค์)

อีกทั้ง นายชิตพลฯ แจ้งว่า ทางบริษัทมีการกระทบยอดระหว่าง ภ.พ.30 (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ไม่ตรงกับ ภ.ง.ด.50 (ภาษีเงินได้รายปี) ประมาณ 5,651,462.65 บาท (ห้าล้านหกแสนห้าหมื่นหนึ่งพันสี่ร้อยหกสิบสองบาทหกห้าสตางค์) ทำให้จะต้องเสียภาษีและเบี้ยปรับในส่วนนี้เพิ่มอีก รวมทั้งหมดแล้วต้องเสียภาษีเพิ่มเติม อีกจำนวน แปดแสนกว่าบาท ซึ่งนายชิตพลฯ ได้เสนอกับทาง บริษัทฯ ว่าหากไม่ต้องการจ่ายเงินยอดค่าภาษีที่บริษัทฯ ค้างชำระดังกล่าว ก็ให้หาเงินมาจ่ายกับตน จำนวน 100,000 บาท แล้วจะยุติค่าเสียภาษีประจำปีให้ ซึ่ง บริษัทฯ ผู้ขอความเป็นธรรมได้ขอต่อรองจน นายชิตพลฯ ยอมลดจำนวนเงินที่เรียกรับสินบนเหลือ จำนวน 50,000 บาท โดยทางบริษัทฯ ได้มีการจ่ายเงินบางส่วนไปแล้ว จำนวน 40,000 บาท คงเหลือค้างจ่าย จำนวน 10,000 บาท และต่อมาผู้กล่าวหาได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก. ปปป. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับผู้ต้องหา จนกระทั่งในวันนี้ (27 พ.ย. 68) จึงได้มีการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าจับกุมผู้ต้องหาในเขตพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป