ไตรภาคี “การเมือง – เศรษฐกิจ - สื่อ” กำลังกลายเป็นประเด็นร้อน! สุดท้าย...ใครกันแน่? ที่แทรกแซงและคุกคามอีกฝ่าย เรื่องนี้...มันเป็นมากกว่าสงครามระหว่าง “การเมือง VS สื่อ” แต่จะมากกว่าอย่างไร? เรื่องนี้ “สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์” มีคำตอบ!!!
หลังจากพรรคภูมิใจไทย “พรรคร่วมรัฐบาลลำดับที่ 3” ประกาศสงครามกับสื่อเครือเนชั่น ตามที่ตกเป็นข่าวให้ได้ยิน ได้ฟังและได้เห็น ตลอดสัปดาห์เศษที่ผ่านมา หลังจากสื่อในเครือเนชั่น พาดหัวไม้ตัวโต ทำนอง... “การเมืองแทรกเพิ่มทุนสื่อค่ายใหญ่” “การเมืองแทรกเพิ่มทุนสื่อค่ายใหญ่”
กระทั่ง เวลาต่อมาเป็น นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ที่ลุกขึ้นขอหารือกับประธานสภาผู้แทนราษฎร (นายชวน หลีกภัย) ชวนคุยเป็นข้อสังเกตประมาณว่า...
“การเมืองแทรกแซงสื่อ หรือ สื่อแทรกแซงการเมือง”
แม้จะไม่ระบุชื่อของสุภาพสตรี...เจ้าของสื่อเครือเนชั่น ก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับสามี เนื่องเพราะตัวเองจำต้อง “เขย่ง” ไปเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ทว่า สังคมในภาคส่วนสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นสังคมการเมือง สังคมนักธุรกิจ แม้กระทั่งสังคมสื่อมวลชน ต่างรู้กันดีว่า...
นายศุภชัย...หมายถึงใคร?
การที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย หยิบยกประเด็นที่ว่า...“หนังสือที่บริษัท แจ้งต่อกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่ได้ระบุเรื่องการเมืองแทรกแซง มีแต่เรื่องเทคโนโลยีคุกคามธุรกิจ จนไม่สามารถทำธุรกิจได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ จนถึงวันนี้มีข่าวออกมาตลอด ซึ่งพฤติกรรมของซีอีโอ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร) ทำให้การเมืองเสื่อมเสีย และตัวท่านเองมีรายชื่อที่เป็น ส.ว. สำรอง อยู่ด้วย ตรงนี้จึงถูกตั้งคำถามว่า สื่อแทรกแซงการเมืองหรือการเมืองแทรกแซงสื่อ”
ก่อนจะย้ำในบรรทัดต่อมาว่า...“ความจริงแล้ว ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯนั้น เขาไม่ได้มีความประสงค์จะเพิ่มทุน เพราะเป็นปัญหาเรื่องธุรกิจของท่านเอง ตรงนี้เป็นปัญหาที่เราต้องคิดกัน วันนี้...นักการเมืองท่านหนึ่งในสภาฯ นี้ เป็นอดีตประธานของเครือเนชั่น ขณะที่สามีของท่าน ไปเป็นประธานฯ แทนท่าน จึงไม่รู้ใครครอบงำใคร ใครแทรกแซงใคร”
จากนั้น นายศุภชัย ได้หยิบยกประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญใกล้จะมีคำพิพากษา ปม “ถือหุ้นสื่อ” ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่า จะสิ้นสภาพความเป็น ส.ส.หรือไม่? และมันควรจะเป็นบรรทัดฐานเดียวกับ ส.ส.สาวคนสวย ที่ส่งไม้ต่อให้สามีตัวเอง ไปนั่งเก้าอี้ “เจ้าของ” สื่อดังค่ายนี้หรือเปล่า???
แต่สิ่งที่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์” ต้องการจะสื่อถึงผู้อ่านและคนไทยทั้งประเทศ มี ”มิติความลึกมากกว่า” นั้น เพราะข้อเท็จจริงแล้ว ประเด็นปัญหาระหว่าง...พรรคภูมิใจไทย กับสื่อเครือเนชั่น ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่วงจำกัดเฉพาะการเมืองกับธุรกิจสื่อ
ทว่าปมที่ซ้อนอยู่ในนั้น มันมีผลกระทบวงกว้างไปมิติทางด้านเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคนไทย กระทบอย่างไร? เราไปวิเคราะห์ร่วมกัน
ในมุมของ “สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์” เรามองปรากฏการณ์ของความสัมพันธ์ระหว่าง “การเมือง – เศรษฐกิจ - สื่อ” ว่ามีโอกาสจะเป็นเช่นนี้
1. การเมืองครอบงำทั้งสื่อ เพื่อประโยชน์ในการต่อสู้ทางการเมือง รวมถึงวางแผนงานเชิงนโยบาย เพื่อหาประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ
2. การเมืองกุมอำนาจทางเศรษฐกิจ และใช้อำนาจทางเศรษฐกิจ ไปแทรกแซงและครอบงำสื่อ เพื่อกำหนดบทบาทให้สื่อเป็นเครื่องมือในทางการเมือง
3. สื่อครอบงำการเมือง เพื่อหวังประโยชน์จากการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจ หาผลประโยชน์จากนโยบายและงบประมาณ
4. สื่อครอบงำเศรษฐกิจ อาศัยบทบาทความเป็นสื่อชี้นำและสร้างอำนาจต่อรองในทางการเมือง เพื่อแสวงหาประโยชน์หลากหลายรูปแบบ
5. เศรษฐกิจครอบงำการเมือง อาศัยเม็ดเงินสร้างกลไกอำนาจรัฐ แสวงหาประโยชน์ทั้งในทางเศรษฐกิจและการเมือง
และ 6. เศรษฐกิจครอบงำสื่อ แล้วอาศัยทั้งอำนาจสื่อและเศรษฐกิจ ต่อร่องอำนาจรัฐ สร้างผลประโยชน์ในทางการเมือง
ไม่ว่าใครจะครอบงำใคร? สุดท้ายปลายแห่งมัน ย่อมเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งสิ้น และผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมา คือ งบประมาณแผ่นดินที่มักหล่นหายไปแบบที่สังคมไทยและประชาชนไทย ไม่ได้ประโยชน์อะไรนัก
สำหรับปมปัญหา ระหว่าง...สื่อค่ายเนชั่น กับพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าปลายทางของเรื่องจะลงเอยกันอย่างไร? “สำนักข่าวเนตรทิพย์” มั่นใจว่า...ปรากฏการณ์นี้ ส่งผลกระทบไปถึงเรื่องเศรษฐกิจ อำนาจรัฐ และผลประโยชน์ อย่างไม่ต้องสงสัย?
แน่นอนว่า...สิ่งนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อไปยังวิถีชีวิตของคนไทยตามมา ไม่ว่าจะในทางตรงหรือทางอ้อม
เพราะที่สุดแล้ว ผลประโยชน์ที่ยังหาความลงตัวไม่ได้ ระหว่าง “การเมือง – เศรษฐกิจ - สื่อ” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นไตรภาคีที่สัมพันธ์กับอำนาจรัฐและงบประมาณแผ่นดิน
ล้วนนำมาซึ่งความเสียเปรียบชนิด “ไร้ทางสู้” ของประชาชนไทย ผู้เสียภาษีอย่างมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
ถึงตรงนี้ สังคมไทยควรจะตื่นรู้ถึงปรากฏการณ์ความบาดหมาง ระหว่าง...พรรคการเมือง ที่มักอิงแอบอำนาจพิเศษ กับสื่อมวลชน ที่ได้ชี่อว่าเป็น “สื่อไม่ธรรมดา” หรือไม่? อย่างไร?
ตื่นรู้…เพื่อที่จะต้องเฝ้าระวัง! มิให้ผลของความขัดแย้ง นำมาซึ่งความเสียหายในทางเศรษฐกิจ รวมถึงงบประมาณแผ่นดิน และวิถีชีวิตของผู้คนนั่นเอง..
สุดท้ายคนไทยอ่วม!