ความพยายามปลด! “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และทีมเศรษฐกิจ” กลายเป็นชนวนสำคัญที่อาจนำมาซึ่ง สึนามิทางการเมืองครั้งใหม่ ที่อาจส่งผลรุนแรงไม่เฉพาะในทางการเมือง หากยังทำให้พรรคแกนหลักของรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ถึงกับต้องล้มครืน ก่อนนัดหมาย “วิ่งไล่ลุง” และ “เชือดกลางสภาฯ” ด้วยซ้ำไป
แม้วันนี้…นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล “ประยุทธ์ 2” ก็ตาม แต่เขายังคงดูแลและมีบทบาทสำคัญต่อทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ
ความสำเร็จหรือล้มเหลวของทีมเศรษฐกิจจึงมีผลต่อความอยู่รอดของเขา
ถึงวันนี้…นาทีนี้ ข่าวการ “ปลด” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ออกจากทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ เริ่มดังมากขึ้นทุกขณะ..
ด้วยเหตุผล…ไม่เพียงบริหารเศรษฐกิจของประเทศได้ไม่ดี จนชาวบ้านร้านค้าและนักธุรกิจน้อยใหญ่ ต่างบ่นเป็นหมีกินผึ้ง “ขายของไม่ได้ เศรษฐกิจไม่ดี เงินไม่มีในกระเป๋า”
กระทั่ง ตัวเลขจีดีพีต่ำสุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันตกเฉียงใต้
หากแต่ความที่สนใจแต่ภาพใหญ่ และโครงการเมกะโปรเจกต์ เช่น เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนหลงลืมภาพเล็ก…เกษตรกรและวิถีชีวิตชาวบ้าน จนทำให้ “ขาใหญ่” และทีมกุนซือของรัฐบาล ทั้งฟากการเมืองและสายทหาร ต่างมองนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นั่นแหละคือ “ตัวปัญหา”
ทำให้พรรคพลังประชารัฐ สูญเสียฐานที่มั่นทางการเมืองจากคนระดับล่าง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรชาวไร่ ชาวนา
ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ เดินหน้าแจกเงินผ่านโครงการประกันราคาพืชผลทางการเกษตร “ข้าว-ยางพารา-ปาล์มน้ำมัน-อ้อย-อื่นๆ” แถมส่วนใหญ่เป็นเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในสังกัดกระทรวงการคลัง ที่มีทีมงานของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (นายอุตตม สาวนายน) คอยกำกับดูแลเองแท้ๆ
เงินจากหน่วยงานที่คนจากพรรคพลังประชารัฐดูแล กลับถูกนำไปเป็นสร้างผลงานให้กับพรรคประชาธิปัตย์
“ขาใหญ่” คนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียก “พี่” จึงเกิดความรู้สึก…ไม่พอใจอย่างแรง! และนำไปสู่ความพยายามที่ต้องการจะปลด!เขา ออกจากหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐโดยเร็ว
ว่ากันว่า…ลึกมากกว่าความไม่พอใจในผลงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ “ล้มเหลว” และการ “ได้ใจ” เกษตรกรจากโครงการประกันราคาพืชผลการเกษตรของพรรคประชาธิปัตย์ ก็คือ...
การแสดงความรังเกียจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และทีมเศรษฐกิจภายใต้การนำของเขา ต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำของฝ่ายการเมือง
ทำให้ฟากการเมืองและสายทหาร เริ่มปฏิบัติการบีบทุกทางเพื่อปลด! นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พ้นไปจากรัฐบาล
หากเกมนี้สำเร็จ ผลของมันจะถูกขยายไปถึงการ “โละ” ขุนพลเศรษฐกิจคนอื่นๆ ภายใต้การนำของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ไม่ว่าจะเป็น…นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง หรือนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงงาน รวมถึงคนอื่นๆ ในซีกของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์
ล่าสุด ข่าวการเปลี่ยนตัวนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พ้นจากเก้าอี้ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุผล…การประสานงานระหว่างรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ กับ ส.ส.ในพื้นที่ต่างๆ ทำได้ไม่ดีนัก จนเกิดอาการ “ห่างเหิน” กันไป
แล้วยิ่งในช่วงที่รัฐบาลจำเป็นต้องได้ฐานเสียงจากบรรดา ส.ส.ทั้งในและนอกพรรคฯ เพื่อการโหวตเสียงรับรองในสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะการรับมือกับฝ่ายค้านในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ช่วงกลางเดือนมกราคมปีหน้า
หากได้คนการเมือง “เนื้อแท้” อย่าง…นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท มานั่งแท่นทำหน้าที่ตรงนี้แทนที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ระหว่างการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ธันวาคม 2562
การประสานงานและขับเคลื่อนไปด้วยกันระหว่างรัฐบาล และ ส.ส.ของพรรคฯ ย่อมจะดีกว่าในช่วงที่ผ่านมา
ความพยายามดังกล่าว เสมือน “ยิงตรง” เข้ากลางแสกหน้าของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อย่างแรง
อย่าลืมว่า…ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมานั้น ก็ได้ลูกทีมของของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อย่าง…นายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่ออกเดินสายกันอย่างหนัก ชนิดไม่ได้หลับไม่ได้นอน ตลอดหลายเดือนก่อนถึงวันเลือกตั้ง จนกระทั่งมีวันนี้…
ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า…เสียงของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่เคยกระซิบข้างหูของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วมีผลในทางปฏิบัติเช่นในอดีต จะยังคงมี “มนต์ขลัง” อีกหรือไม่?
“สำนักข่าวเนตรทิพย์” แนะให้ตามข่าวการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2562 ให้ดี…มีการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐจริงๆ ละก็
เห็นทีทั้งนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ และทีมเศรษฐกิจคนอื่นๆ คงต้องหลุดไปทั้งยวง
ถึงตอนนั้น…แวดวงเศรษฐกิจ และธุรกิจ-อุตสาหกรรมในประเทศ คงได้รับผลสะเทือนจากคลื่นสึนามิทางการเมือง ชนิดที่ไม่ทันให้ฝ่ายค้านได้เชือดกลางสภาแน่ๆ!