กรณีศาลฎีกา ได้พิพากษาคดีไร่ส้ม ซึ่งถือเป็นที่สุดของกระบวนการยุติธรรม โดยตลอด 10 กว่าปี ที่คดียืดเยื้อมา ได้มีบางฝ่ายเรียกร้องถึงบทบาทของสหภาพแรงงาน ต่อการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ซึ่งสหภาพแรงงาน ได้ยืนยันพร้อมสนับสนุนให้มีการตรวจสอบ โดยหากมีพยานหรือหลักฐานใหม่ ก็ขอให้มอบให้สหภาพแรงงาน ซึ่งจะได้นำส่งให้ศาลยุติธรรม ซึ่งมีอำนาจสูงสุด ต่อไป
บัดนี้ เมื่อศาลฎีกา มีคำตัดสิน ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของกระบวนการยุติธรรม สหภาพแรงงานขอน้อมรับ และเห็นว่า เรื่องนี้เป็นบทเรียนให้ทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ ของประเทศ ในฐานะ อสมท มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ และยังรวมไปถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ให้ความไว้วางใจ ถือหุ้นของ บมจ. อสมท
กรณีไร่ส้ม เป็นบทเรียนว่า ผู้มาทำธุรกิจกับอสมท ต้องยึดหลักกฎหมาย และธรรมาภิบาล ในการทำงานสื่อสารมวลชนและ ดำเนินธุรกิจใน บมจ. อสมท
ขณะฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้อง ต้องตรวจสอบควบคุม และอนุมัติด้วยความรอบคอบรัดกุม
สำหรับ พนักงานผู้ปฎิบัติ ต้องตระหนักต่อการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต เพราะหากเห็นแก่ประโยชน์ หรือ คำสั่งที่มิชอบทางกฎหมาย ผู้ปฏิบัติงานก็จะต้องได้รับผลกระทบนั้น เป็นเบื้องต้น ดังกรณีที่เกิดขึ้น
สหภาพแรงงาน บมจ.อสมท
21 มกราคม 2563