ตลาดหุ้นไทยผ่านโค้งแรกหรือไตรมาสแรกไปแล้ว จากนี้ก็ย่างกรายเข้าสู่ไตรมาส 2 มาดูกันว่านักวิเคราะห์ว่าอย่างไร
“เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม “ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส มองทิศทางตลาดหุ้นไทย 2 ดีขึ้น หลังมองการเมืองไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ แม้ในช่วงการจัดตั้งอาจมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ภาพรวมใหญ่มีมุมมองเป็นบวก เพราะมีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง โดยกรอบเวลาการเลือกตั้งรอบนี้ กกต. จะรับรองผลการเลือกตั้งให้ครบ 95% วันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ซึ่งจะหนุนกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือฟันด์โฟล์ และตลาดหุ้นไทย
ระหว่างนี้ตลาดหุ้นไทย จะให้น้ำหนักประเด็นการเมืองในประเทศไทย ซึ่งผลการเลือกตั้งตามระบบจัดสรรปันส่วนผสม ทำให้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กระจายตัวค่อนข้างมาก ทำให้เกิดขั้วทางการเมืองที่มีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น จึงเกิดปรากฎการณ์แย่งกันจัดตั้งรัฐบาล ทำให้รัฐบาลรอบนี้มีอุปสรรคมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
หลังจากรวบรวมรัฐบาลได้ ยังต้องติดตามการเปิดประชุมรัฐสภาภายใน 24 พฤษภาคม 2562 ซึ่งยังมีเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการโหวตนายกรัฐมนตรีโดยมองการเมืองกรณีดีที่สุดคือ คะแนนเสียงรัฐบาลใกล้เคียงหรือมากกว่า 300 คะแนน ซึ่งจะทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ, กรณีระดับกลาง คะแนนเสียงไม่ขาดหรือประมาณ 250 ต่อ 260 จะทำให้การเมืองอาจไม่มีเสถียรภาพเพราะต้องถกกันเรื่องกฎเกณฑ์ต่างๆ และกรณีเลวร้ายสุดคือไม่สามารถเปลี่ยนผ่านรัฐบาลทหารมาเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้งได้ ซึ่งจะสร้างความกังวลแก่ตลาดอีกครั้ง
ด้านกระแสฟันโฟลว์คาดเริ่มไหลออกจำกัด หลังสหรัฐอเมริกา ส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้กดดันพันธบัตร 10 ปีสหรัฐฯ ปรับตัวลงแรง มาอยู่ที่ 2.4% ต่ำสุดในรอบ 14 เดือน และต่ำกว่าพันธบัตร 10 ปีของไทย ที่2.58% ซึ่งส่วนต่างที่ลดลงมาจนติดลบ ช่วยหนุนเม็ดเงินไม่ให้ไหลออกจากไทย ด้านผลตอบแทนตราสารหนี้อยู่ระดับต่ำ ซึ่งน่าจะช่วยดึงเม็ดเงินกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น
โดย “เทิดศักดิ์” คาดว่า เป้าดัชนีหุ้นไทยปีนี้อยู่ที่ 1,705 จุด มี Upside ประมาณ 4.4% ให้เป้าหมาย P/E 16 เท่า โดยกำไรสุทธิรวมลดลงอยู่ที่ 1.06 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ที่ 106.58 บาท/หุ้น ซึ่งปรับลดEPS ลงจากเดิมอยู่ที่ 112.2 บาท/หุ้น เนื่องจากสะท้อนผลกระทบจากบริษัทจดทะเบียนที่ตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานตามพ.ร.บ.แรงงาน
สำหรับคำแนะนำการจัดพอร์ตลงทุน ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้น 50% และเน้นไปที่หุ้นรายตัวที่กำไรโดดเด่น เช่น PTT ,STPI และหุ้นที่เติบโตตามการลงทุนและการบริโภคในประเทศ เช่น BBL ,BJC - BGRIM ,JMT ,M ,STEC และหุ้นผันผวนน้อย BCH
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระพัฒนสิน และนำกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 2 เน้นธีมการลงทุน โดยธีมแรก แนะนำหุ้นที่เป็นเป้าเงินลงทุนต่างชาติ หรือ ฟันโฟลว์ จากการปรับเปลี่ยนกฏเกณฑ์ MSCI จะหนุนให้มีหุ้นที่มีโอกาสเข้าคำนวณในดัชนีรอบเดือนพฤษภาคมโดดเด่น สำหรับหุ้นแนะนำการลงทุน INTUCH , DTAC และ CENTEL และเพิ่มน้ำหนักหุ้น KBANK BDMS
ธีมที่ 2 Recovery Play สำหรับหุ้นที่ผลประกอบการปี 2561 ชะลอตัว แต่มีแนวโน้มที่จะกลับมาฟื้นตัวเด่นในปีนี้ แนะนำหุ้น AAV, BGRIM RS, STPI
ธีมที่ 3 หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง และการเมืองมีเสถียรภาพมากขึ้นบวกต่อ BJC, STEC และAMATA
ขอให้ท่านผู้อ่านจงโชคดีกับการจัดพอร์ตลงทุนไตรมาส 2 อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้รอบครอบก่อนตัดสินใจลงทุน
โดย... ซิลลิ่ง