ท่ามกลาง “สงครามระหว่างยุคสมัย” ของคนต่างวัย...“วัยดิจิทัล VS วัยอนาล็อก” คนไทยยังมีสิทธิ์ “วางตัวเป็นกลาง” ได้หรือไม่? แล้วคุณจะเลือกยืนข้างไหน? หากถึงวันที่สงครามทางการเมือง ได้ลามไปสู่สงครามทางสังคม เช่นในยามนี้ลามจากกระบวนการทางกฎหมาย กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ จากพฤติกรรมการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 สู่นัยสำคัญในทางการเมือง นั่นคือ ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ ด้วยเหตุผลเดียวกัน ผลจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น...ปลายทางจะถูกยกระดับเป็นประเด็นทางสังคมหรือไม่? เพราะมีประชาชน...ผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ราว 6 ล้านคน ได้สูญเสียสิทธิ์จากการที่ตัวแทนของพวกเขา นั่นคือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้ถูกตัดสิทธิ์ในทางการเมืองไปแล้ว ไปพร้อมกับ...การยุบพรรคอนาคตใหม่ และการตัดสิทธิ์ทางการเมืองกับ หัวหน้าพรรคฯ และกรรมการบริหารพรรค รวม 16 ชีวิต และที่จะมีตามมาอีก นั่นคือ การฟ้องร้องดำเนินคดีอาญากับตัวหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ทั้งหมดนี้ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” ไม่ขอวิจารณ์พฤติการณ์แห่งตุลาการรัฐธรรมนูญ และไม่วิพากษ์ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เพียงจะชี้ให้เห็นถึงผลต่อเนื่องจาก...เรื่องของกฎหมายที่ได้ลามสู่ประเด็นการเมือง และอาจเป็นประเด็นทางสังคม เมื่อมีคนบางกลุ่มในสังคมไทย หยิบเรื่องนี้มาขยายผล... อย่างที่เห็นกัน...แฟนเพจของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่พยายามสื่อสารไปยังผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ในวันเดียวกับที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ยังต้อง “ปิดเพจหนี” ภายหลังถูกกระแสสังคม “ถล่มยับ!” และยังตามไปถล่ม! ในช่องทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ อีก ถามว่า...เรื่องนี้ จะเป็นเพียงกระแส “อารมณ์” ของผู้คนที่สูญเสียสิทธิ์ไปกับคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ หรือเพราะเห็นใจพรรคอนาคตใหม่และแกนนำบริหารพรรคฯ ที่อีกเดี๋ยวก็หายกันไปเอง หรือจะเป็น “จุดเริ่มต้น” ของการนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของสังคมไทย เช่นที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พูดเป็นครั้งสุดท้าย บนริมวิถีฟุตบาท...หน้าที่ทำการของพรรคอนาคตใหม่ จนถึงขณะนี้...มากกว่าการตามไปถล่ม แฟนเพจของ “ลุงตู่” มากกว่าการเตรียมการจะยื่นฟ้องร้องในคดีอาญา ตามมาตรา 157 กับ กกต. หรือถึงขั้น สร้างประเด็นไปล้ม...ศาลรัฐธรรมนูญ นั่นคือ... การไม่ยอมรับในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แม้ในทางนิตินัย...คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ย่อมมีผลบังคับให้ทุกองค์กร และทุกคนบนแผ่นดินนี้ต้องปฏิบัติตาม แต่ในทางพฤตินัยแล้ว คงยากจะไปห้ามความคิด และการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ ของกลุ่มคนที่เห็นต่างไปจากความคิดและการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญ ตรงนี้ ต่างหากที่น่าสนใจ ไปพร้อมกับความน่าวิตกกังวลใจว่า...หากทุกสิ่งอย่างของจุดเริ่มต้นทางประเด็นข้อกฎหมาย ที่ปลายทางถูกสร้างเป็น...กระแสสังคม ที่สะท้อนภาพสงครามระหว่าง “คนต่างยุคสมัย” เช่นที่ “คนยุคดิจิทัล” ที่แม้ไม่มีอำนาจรัฐในมือ แต่พวกเขาก็มองโลก...มองประเทศไทยไปข้างหน้า และยามนี้...ก็พยายามจะเริ่มเปิดศึก “สงครามระหว่างยุคสมัย” กับ “คนยุคอนาล็อก” ที่กุมอำนาจในทุกมิติ ซึ่งต้องการ “แช่แข็ง” ประเทศไทยและสังคมไทยไว้กับที่ และไม่ว่า “สงครามระหว่างยุคสมัย” จะเป็นจริงเป็นจัง กระทั่ง กลายเป็นความขัดแย้งของคนต่างยุคสมัย ขึ้นในสังคมไทยหรือไม่? กระนั้น สิ่งนี้...ได้เริ่มก่อตัวขึ้นมาแล้ว และเป็นคุณ (ผู้อ่าน) ที่จะไม่สามารถ “วางตัวเป็นกลาง” ท่ามกลางสงครามระหว่างคนต่างยุคสมัย ได้อีกต่อไป จำเป็นที่คุณจะต้องเลือก ระหว่าง...การมองอนาคตไปข้างหน้า หรือจะหยุดประเทศไทยให้อยู่กับที่ อย่างที่ตัวแทนคน 2 กลุ่มวัย...เตรียมจะเปิดทำศึก “สงครามระหว่างยุคสมัย” กัน...นับแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป