การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนระดับ 7 ริกเตอร์ ในวงการเมืองไทย และสังคมโลก
เช้าวันรุ่งขึ้น สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์กรณียุบพรรคอนาคตใหม่ โดยย้ำส่งเสริมประชาธิปไตย ไม่ได้ถือข้างสนับสนุนพรรคการเมืองใดในไทยเป็นพิเศษ แต่ห่วงคำพิพากษายุบพรรคที่มีประชาชนเลือกกว่า 6 ล้านเสียง อาจลิดรอนสิทธิ์ผู้ลงคะแนนเสียงในระบบเลือกตั้ง
เป็นแถลงการณ์ที่ค่อนข้างสุภาพเรียบร้อยด้วยมารยาททางการทูต แต่ในระดับเวทีโลก รัฐบาลไทยจะไปเจรจาต่อรองทางการค้ากับอเมริกา รับรองเหนื่อยแน่ หลังจากผู้ส่งออกไทยกำลังจะเหนื่อยจากการถูกอเมริกาตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากร (จีเอสพี) กับสินค้ากว่า 500 รายการ ซึ่งจะมีผลในเดือน มี.ค.นี้
ส่วนสถานทูตแคนาดา ประจำประเทศไทย แถลงการณ์แสดงความกังวลว่าเสรีภาพของพรรคการเมืองในการชุมนุมและเป็นตัวแทนแสดงความคิดเห็นของผู้เลือกตั้ง ยังคงถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่การใช้กฎหมายภายในประเทศถือเป็นขอบเขตอำนาจของศาลยุติธรรมของประเทศ แต่ผลจากคำตัดสินนี้เป็นการตัดสิทธิ์ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกว่า 6 ล้านเสียง
สถานทูตแคนาดา ยังระบุอีกว่า สิทธิทางการเมืองขั้นพื้นฐานของการแสดงออก การชุมนุมและการเป็นผู้แทนในไทย กำลังตกอยู่ในอันตราย เมื่อพรรคการเมืองไม่ได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่ในฐานะเป็นผู้แทนของประชาชนที่พวกเขาเลือกมา
ทางด้าน ฮิวแมนไรท์ วอทช์ ออกแถลงการณ์ว่า การตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อความพยายามฟื้นฟูประชาธิปไตยทางการเมืองในประเทศไทย หลังจากอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหารมา 5 ปี คำตัดสินที่มีขึ้นก่อนหน้าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเพียง 3 วัน ทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอลง จึงเอื้อประโยชน์ให้กับรัฐบาลอย่างมาก รวมทั้งทำให้เสียงของคนกว่า 6 ล้านคนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ไม่มีความหมายไป อย่างไม่เป็นธรรม
ฮิวแมนไรท์ วอทช์ จึงเรียกร้องให้นานาชาติประณามการยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นตัวแทนเรียกร้องการปฏิรูป และเป็นตัวแทนของเสียงที่เห็นต่างในไทย
อันที่จริงการยุบพรรคการเมืองในไทย มีมานานแล้วตั้งแต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง ปี 2475 แต่มาหนักหน่วงรุนแรง หลังจากมีการทำรัฐประหารเมื่อเดือน ก.ย.2549 ในยุคที่ประชาชนเจ้าของประเทศมองว่า “ประชาธิปไตยกินได้”
บรรดาองค์กรอิสระจะยุบทำไม? “พรรคการเมือง” เพราะถ้าพรรคการเมืองไม่มีผลงาน เล่นการเมืองแบบน้ำเน่า ประชาชนไม่สนับสนุน และไม่เลือก อีกหน่อยพรรคการเมืองก็ต้องยุบไปโดยธรรมชาติ ซึ่งมีหลายพรรคการเมืองที่เป็นแบบนั้น
เมื่อปี 2560 สังคมโลกพากันงงงวย เมื่อศาลสูงกัมพูชาสั่งยุบพรรคกู้ชาติกัมพูชา (ซีเอ็นอาร์พี) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน และห้ามแกนนำ 118 คนของพรรค ข้องเกี่ยวกับการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากพรรคซีเอ็นอาร์พีถูกตั้งข้อหาว่าคบคิดกับอเมริกาและต่างชาติวางแผนโค่นล้มรัฐบาล และเตรียมการรัฐประหาร
เรื่องดังกล่าวสำนักข่าวต่างประเทศกระพือข่าวไปทั่วโลก โดยเฉพาะฮิวแมนไรท์ วอทช์ กล่าวถึงคำตัดสินว่า เป็นจุดจบประชาธิปไตยของกัมพูชา และขอให้ต่างประเทศระงับการให้ความช่วยเหลือกัมพูชาเรื่องจัดการเลือกตั้งทั่วไปปี 2561
ประชาธิปไตยในกัมพูชากินได้หรือเปล่าไม่รู้? แต่ที่แน่ๆ สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศตัดสิทธิจีเอสพีกัมพูชา จากปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่หลายคนมองว่าสาเหตุหลักมาจากการยุบพรรคฝ่ายค้านนี่แหล่ะ และกระทบกระเทือนกับนักลงทุนไทยจำนวนไม่น้อย ที่ไปลงทุนอยู่ในกัมพูชาด้วย
ย้อนกลับมาที่ประเทศไทย เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคอนาคตใหม่ เหมือนเป็นการปลุกพลังนิสิต นักศึกษา และคนรุ่นใหม่ให้ตื่นขึ้นมา!
ตอนนี้นิสิต นักศึกษา ในรั้วมหาวิทยาลัยของรัฐ เช่น ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ เกษตรฯ มหิดล นเรศวร มหาสารคาม บูรพา รามคำแหง ศิลปกร ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมคัดค้านกันอย่างคึกคัก ผสมกลมกลืนไปกับการขับไล่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วย!
พลังของนิสิต นักศึกษา ถือว่าเป็นของ “แสลง” สำหรับผู้นำเผด็จการ และทหาร มาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลา 16 ตามมาด้วย 6 ตุลา 19 จนถึง “พฤษภาทมิฬ” ปี 35
ปัจจุบันปี 63 เป็นยุค 4-5G แล้ว! ยังจะนึกทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ แบบย่ามใจ ไม่เห็นหัวใคร!
แต่ตอนนี้พลังนิสิต นักศึกษา ซึ่งรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว กำลังทยอยโผล่หัวกันออกมาทวงสิทธิในฐานะเจ้าของประเทศ และมี 1 สิทธิ 1 เสียงเท่ากัน แล้วพวก “อำนาจย้อนยุค” จะหนาว!!
โดย..เสือออนไลน์