โปรดจำเอาไว้!...นายกฯเมืองไทยยามนี้ ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ฉะนั้น คนไทย...อยู่ให้เป็น เอาตัวเองให้รอด! รอให้ถึงวันที่ฟ้าส่ง “ผู้นำมากวิสัยทัศน์ บริหารและตัดสินใจทันโลก” มาอีกครั้ง! คงอีกไม่นานนักคนไทยหลายคน...คงคิดถึงคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ฝากผลงานในการแก้ไขปัญหาระดับชาติและระดับโลก ไว้อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น...การแพร่ระบาดของโรคไวรัสซาร์ส ที่ว่ากันว่า...เลวร้ายและรุนแรงยิ่งกว่าไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) รวมถึงไข้หวัดนก และเมอร์สที่ประทับใจสุดๆ คงไม่พ้น....เหตุสึนามิถล่ม! ชายหาดริมฝั่งทะเลอันดามันของไทย ก่อนถึงวันสิ้นปี 2547 เพียงไม่กี่วันก่อนถึงเทศกาลปีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่วิสัยทัศน์ที่กว้างไกล แนวทางการบริหารและตัดสินใจที่ฉับไว ผสานกับการเอาใจใส่ การเอาจริงเอาจัง รวมถึงความสามารถในการระดมมันสมองและคนเก่ง...มาร่วมแก้ไขปัญหาในทุกวิกฤตมากกว่านั้น...เหตุร้ายเกิดขึ้นที่ไหน? เหนือใต้ออกตก “ทักษิณ ชินวัตร” และคณะฯ ลงพื้นที่ไปถึงในบัดดล ไม่ต้องรอให้สื่อหรือคนในพื้นที่เรียกหาแต่อย่างใด?แต่ชื่อนี้...ก็เหมือนจะเป็น “ของแสลง” ของใครหลายๆ คนในประเทศนี้ แม้แต่...คนใน “รัฐบาลลุงตู่” ก็คงไม่พอใจ หากจะมีใครเอ่ยชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” แล้วยิ่งจะนำผลงานมาเปรียบเทียบกับ...คนกลุ่มนี้ คงไม่พอใจสักเท่าใดสำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงของไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปยังเกือบทั้งโลก กระทั่งตัวเลข ณ ช่วงสายของวันที่ 24 มีนาคม 2563 พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกกว่า 3.6 แสนคน เสียชีวิตไปแล้วกว่า 1.6 หมื่นคนที่ประเทศไทย...พบผู้ติดเชื้อกระจายตัวและแพร่ระบาดไปไกลถึง 47 จังหวัด “เหนือใต้ออกตก” ครบทุกภาค รวมมากกว่า 800 คน และหากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่มากกว่าการขอความร่วมมือ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” โดยยังคงปล่อยให้มีการเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องทะลุหลักแสน...ปรากฏการณ์นี้ จะเกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย ก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้อย่างแน่นอนก่อนหน้านี้ มีเสียงซุบซิบให้ได้ยินทำนอง...“รัฐบาลลุงตู่” เตรียมจะออกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือไม่ก็ถึงขั้นประกาศ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในเร็วๆ นี้ เพื่อยุติการเคลื่อนที่ของคนไทย และให้ง่ายต่อการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19โดยเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพราะมีนัดหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ในการเตรียมการวางแผนรับมือเพิ่มเติมขั้นสูงสุดซึ่งตอนนั้น...หลายฝ่ายจับตากันว่า รัฐบาลจะประกาศใช้กฎหมายพิเศษอะไร ในการจะยกระดับการป้องกันแพร่ระบาดโควิด-19ด้วยเหตุความผิดพลาดครั้งใหญ่ นั่นคือ ภายหลังมีการปิดสถานที่เสี่ยงทั่วกรุงเทพมหานครเป็นเวลา 22 วัน แทนที่คนจะหยุดนิ่งและอยู่แต่ในบ้านพักของตัวเองกลับมีคนไทยนับแสนคนเดินทางออกต่างจังหวัดล่าสุด ช่วงสายของวันที่ 24 มีนาคม เป็น พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบรัฐบาลถึงการประกาศเคอร์ฟิว หรือจะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ โดยตอบเพียงสั้นๆ ว่า “ใจเย็นๆ” ก่อนเดินขึ้นตึกบัญชาการ ในเวลาต่อมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย บอกว่า...รัฐบาลมีการเตรียมประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินฯ รับมือการระบาดโควิด-19 ส่วนจะถึงขั้นประกาศ “เคอร์ฟิว” ห้ามคนออกนอกบ้านยามวิกาลหรือไม่? เจ้าตัวยังตอบไม่ได้ “การจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ทราบว่าขณะนี้ได้เตรียมการใช้กฎหมายที่เรียกว่าพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ง่ายและสะดวกขึ้น ในการปฏิบัติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ไม่อยากให้คิดไปถึงเรื่องการประกาศเคอร์ฟิว เพราะทุกอย่างให้เป็นไปตามสถานการณ์” รมว.มหาดไทย ระบุชัด พร้อมย้ำว่าสิ่งสำคัญในการลดการแพร่ระบาดของโรค คือ ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งขณะนี้ได้สั่งปิดด่านแนวชายแดนแล้ว ยกเว้นเพียงจุดที่มีคนไทยต้องเดินทางกลับเข้ามาสำหรับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ขอให้ ระมัดระวังและป้องกันตัวเองทั้งในระหว่างเดินทาง และช่วงกักตัวอยู่ในมิลำเนา 14 วัน โดยขอให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อแพร่กระจาย“ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือจะใช้กฎหมายอะไรก็ยาก ทั้งนี้ ขอให้สื่อช่วยกันเผยแพร่ข้อมูลทำให้เกิดความร่วมมือ สร้างการรับรู้ให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งหากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมมือกันก็จะเกิดประโยชน์ และแก้ปัญหาลดการแพร่ระบาดของโรคได้” รมว.มหาดไทย ย้ำถึงตอนนี้...ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลจะประกาศกฎหมายพิเศษหรือไม่? และเป็นตัวไหน? แม้กระทั่ง จะประกาศเคอร์ฟิวหรือเปล่า?แต่อยู่ที่...ทำอย่างไรให้คนไทยให้ความร่วมมือ และเชื่อมั่นต่อ “รัฐบาลลุงตู่”ก็อย่างที่ พล.อ.อนุพงษ์ พูดนั่นแหล่ะ “ถ้าประชาชนไม่ร่วมมือจะใช้กฎหมายอะไรก็ยาก / หากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมมือกันก็จะเกิดประโยชน์ และแก้ปัญหาลดการแพร่ระบาดของโรคได้”แน่นอนว่า...พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ “ทักษิณ ชินวัตร”ฉะนั้น...คนไทยต้องตระหนักรู้ และลดความคาดหวังใดๆ เกินสภาพความเป็นจริง ก็อย่างที่บรรดานายแพทย์และผู้เชี่ยวชาญบางคนพูดนั่นแหละ“คนที่ตื่นตระหนก ตระหนักรู้ แต่ไม่ตื่นกลัวแบบไร้สติ จะอยู่รอดปลอดภัยจากเชื้อรายไวรัสโควิด-19”ในวันที่...คนไทย มี “ผู้นำประเทศ” ชื่อ...พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะที่หลายคนถือกำเนิดมาจาก คสช. จำเป็นอย่างยิ่งจะต้อง “ตื่นตระหนก แต่ตระหนักรู้”พูดง่ายๆ...อยู่ให้เป็น! เพราะถ้าอยู่ไม่เป็น แล้วดันไปคาดหวังอะไรในสิ่งที่ “คนดาดๆ ทั่วไป”...ทำแล้ว ถึงขั้นติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขึ้นมาจริงๆแล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่า...เรายังมีลมหายใจ รอ “นายกรัฐมนตรี” คนที่มีศักยภาพระดับโลก เกิดขึ้นบนแผ่นดินไทย เหมือนก่อนหน้าจะมีการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549