กำลังเป็นประเด็นสุดฮอตเป็น Talk Of The Town..กับเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สั่งดำเนินคดีกับผู้ใจบุญที่นำอาหาร และสิ่งของไปแจกจ่ายให้ประชาชนประมาณ 100 คน บริเวณถนนกรุงเกษม จนมีผู้คนแห่ไปรับของและมีการทำร้ายกันเกิดขึ้น โดย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงในเวลาต่อมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งดำเนินคดีกับผู้ที่นำสิ่งของไปบริจาค ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยไม่ได้จัดให้มีการเว้นระยะห่าง หรือควบคุมเพื่อป้องกันความเสี่ยงการแพร่โรคโควิด-19ขณะเดียวกัน ได้มีการแชร์คลิปว่อนโซเชียล กรณีเจ้าหน้าที่เทศบาลนครปฐมได้เข้ายึดโจ๊กและข้าวกล่อง ที่มีผู้ใจบุญเตรียมนำมาแจกจ่ายให้แก่ผู้ได้รับความเดือดร้อนบริเเวณองค์พระปฐมเจดีย์ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการยึดสิ่งของที่จะนำมาแจกจ่ายทั้งหมด โดยอ้าง จำเป็นต้องจัดระเบียบ ทำเอาเจ้าตัวถึงกับปล่อยโฮสงสารผู้คนที่มาเข้าคิวรอรับอาหารอยู่ พร้อมกับไลฟ์สดขอโทษที่ไม่สามารถแจกจ่ายอาหารให้แก่ผู้ที่มารอได้ เพราะผิด พรก.ฉุกเฉิน ทำเอาโลกโซเชียลพากันเดือดดานต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโวรัส โควิด-19 ในปัจจุบันนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่า เป็นภัยอันตรายที่น่ากลัวที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติ แต่ชีวิตและปากท้องของประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ”ตกงานกันเป็นเบือ” และไม่รู้จะยังชีพกันต่อไปอย่างไรการที่มีผู้ใจบุญมีจิตกุศลนำสิ่งของข้าวของเงินทองมาบริจาค เพื่อบรรเทาความหิวโหยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งก็เป็นเครื่องชี้ให้เห็นถึงน้ำจิตน้ำใจของประชาชนคนไทย ที่ยากจะได้เห็นจากชาติใดในโลก!การที่หน่วยงานรัฐ อย่างผู้ว่าฯ กทม. ที่ออกมาหักดิบ ต่อไปนี้ใครจะแจกสิ่งของบริจาคสิ่งของ ตั้งโรงทาน จะเข้าปลาอาหารอย่างไร จะต้องตั้งเขตแจ้งเจ้าหน้าที่ หาไม่แล้วจะดำเนินคดีผิด พรก. ฉุกเฉิน แม้จะเป็น ไปตามตัวบทกฎหมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า กฎหมายดังกล่าวกำลังจะทำให้ผู้คนที่มีจิตศรัทธา มีจิตใจแห่งความเอื้อเฟื้ออารีย์ ไม่อาจทนเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือนั้น เกิดความเบื่อหน่าย หรือถึงขั้นเกิดความหวาดกลัวจะเรียกแขกให้งานเข้า เพราะไม่รู้ จะถูกเจ้าหน้าที่ยัดเยียดข้อหาเอาเมื่อใด สู้นะเอามือ "ซุกหีบ" นั่งดูความเดือดร้อนของผู้คนดีกว่าแน่นอนว่า ความจำเป็นในการจัดระเบียบการมารับสิ่งของบริจาคเป็นเรื่องที่จำเป็นในภาวะปัจจุบันเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสสูบนรก 19 แต่สิ่งเหล่านี้ ก็ใช่เป็นเรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรง ที่เจ้าหน้าที่สามารถจะบริหารจัดการ หรือจัดระเบียบได้อยู่แล้ว โดยไม่ต้อง ทำเรื่องให้ใหญ่โตว่าอะไรเพราะการแจกทานแจกสิ่งของบริจาคหรือข้าวของเงินทองนั้น บางรายก็ทำ ไม่มากแค่ 100-200 ห่อ หรือจะ 500-1000 ห่อเท่านั้น บางคนก็ไม่ได้อยากทำเพื่อเอาหน้า แต่ทำไปเพื่อเห็นแก่มนุษยธรรม ต้องการเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสียมากกว่า หาการแจกของเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ทุกกรณีจำเป็นต้องขออนุญาต ต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จำเป็นต้อง ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานเขต อำเภอเข้ามาเป็นผู้จัดระเบียบ ทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต บางครั้ง ก็อยู่นอกเหนือ สิ่งที่ผู้บริจาคต้องการ และอาจจะกลายเป็นดาบสองคมที่ทำให้ ผู้ที่ตั้งใจจะทำบุญทำทานจริงๆนั้น เกิดความท้อแท้รำคาญ นายเหนื่อยถึงขั้นยกเลิกความตั้งใจไปเลยก็มีดังนั้น คำสั่งของหน่วยเหนือผู้บังคับบัญชาที่ฟาดเปรี้ยงหักดิบ จะดำเนินคดีกับผู้มีจิตศรัทธา ที่มีความตั้งใจจะบริจาคอาหารหรือสิ่งของต่อผู้ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าวนี้ อาจกระตุ้นให้ผู้คนในสังคมลุกฮือขึ้นฉีกกฎหมาย "อัปยศฉบับนี้" เอาได้ทุกเมื่อเพราะอย่างที่โบราณว่าไว้ อำนาจจากปลายกระบอกปืนไม่เคยสร้างความยั่งยืนแก่ใคร ความอดอยากหิวโหยของผู้คนที่กำลังทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกขณะนั้น กฏหมายไหนๆ หรือต่อให้เอาปืนจ่อหัวก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งความหิวโหยนี้ได้น่าแปลกขนาดที่นายกรัฐมนตรี ทำจดหมายน้อย ขอร้องให้ 20 มหาเศรษฐีของเมืองไทย ช่วยเหลือประเทศชาติเพิ่มเติม หรือพูดตรงๆ ก็คือ ทำจดหมายไปขอบริจาคเงินและสิ่งของ หรืออะไรก็ตามแต่ เพื่อให้มหาเศรษฐี ชั้นแถวหน้าของเมืองไทยเรานี้ ได้ลงมาช่วยเหลือประชาชนคนไทย ที่กำลัง เผชิญวิบากกรรมครั้งประวัติศาสตร์เกิดมหาเศรษฐีเหล่านั้น ร่วมด้วยช่วยชาติ โดยการนำเอา สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็น ข้าว อาหาร ถุงยังขีพ หรือผลิตภัณฑ์ ที่แต่ละเจ้าสัวมีอยู่ ในมือแทบจะครอบจักรวาลมาบริจาคให้แก่รัฐ หรือขอตั้งโต๊ะบริจาคเองก็ตามที ก็ไม่รู้กรณีอย่างนี้นายกรัฐมนตรีและหน่วยงานรัฐจะกุลีกุจอ ขอจัดระเบียบให้เองเลยหรือไม่ หรือจะออกจดหมายน้อยข่มขู่ห้ามแจก จะแจกจะต้องแจ้ง ให้ผู้ว่าฯ กทม. หรือ สำนักงานเขตหรืออำเภอทราบเสียก่อนด้วยเช่นกันถึงเวลาที่รัฐจะต้องเร่งทบทวน กฎเหล็ก ในเรื่องของการจัดระเบียบของการแจกสิ่งของบริจาคเหล่านี้โดยเร็ว ก่อนจะกลายเป็น "น้ำผึ้งหยดเดียว" ที่ทำให้รัฐพังครืนลงได้ทุกเมื่อ!โดย..คนข้างนอก (แทน)