อย่าแปลกใจ! หากจะมีบางเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้าการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในเมื่อโอกาสการรวมพล “คนไม่รักลุง!” ขยายวงกว้างในทุกกลุ่มก้อนมากขึ้นทุกวัน จำเป็นจะต้องสกัดแผนที่คนบางกลุ่ม คิดจะ “ตัดถนน” ให้ทุกสายวิ่งมารวมกัน และพุ่งเข้าใส่ “บิ๊กตู่” และรัฐบาลชุดนี้
ข่าวล่ามาเร็วสุดๆ คงไม่พ้น กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศคบ. ได้ประกาศต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินฯ ต่อไปอีก 1 เดือน
จากเดิมที่จะสิ้นสุด 30 เมษายน ไปเป็น 31 พฤษภาคม 2563
ด้วยเหตุผลสุดคลาสสิกที่ให้ไว้ เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา ว่า...เพราะหน่วยงานด้านความมั่นคงและด้านสาธารณสุขเห็นตรงกัน แต่จะมีการพิจารณาผ่อนปรนและอนุญาตให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินการได้ ภายใต้การพิจารณาตามความเหมาะสม ทางด้านความปลอดภัยของประชาชน
ก่อนหน้านี้ มีข้อร้องเรียนจากทุกภาคส่วน ให้รัฐบาล และ ศคบ. พิจารณาผ่อนปรนกฎระเบียบที่เข้มงวดมากเกินไป โดยเฉพาะยกเลิกการประกาศเคอร์ฟิว และยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ เหลือน้อยมาก อีกทั้ง ระบบสาธารณสุขและการแพทย์ รวมถึงการมีเครือข่ายอาสาสมัครสาธารณสุขในระดับชุมชนและท้องถิ่นของไทย มีความเข้มแข็งอย่างมาก
กระทั่ง สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดี จนกลายเป็นกรณีศึกษาของหลายรัฐบาลทั่วโลก
จากนั้นไม่นาน...หน่วยงานรัฐของไทย ด้านชายแดนติดประเทศมาเลเซีย ก็ขยันจนผิดสังเกต ควานหาจนพบ...ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นถึงกว่า 50 คน และเป็นแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเสียด้วย เมื่อผสานกับข่าวที่สื่อชั้นนำร่วมกันโหมประโคม กรณี “การกลับมาติดเชื้อฯ รอบใหม่” ของหลายๆ ประเทศ...ทั้งจีน ญี่ปุ่น และสิงคโปร์
เท่านั้นเอง มันก็เป็นเหตุผลเพียงให้การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีความชอบธรรมมากยิ่งขึ้น!
ถึงตรงนี้ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” เชื่อว่า...มันก็พอมีจะเหตุผลรองรับได้อยู่บ้าง แม้ลึกๆ รัฐบาล กังวลอาจใจกับบางเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่า...ไวรัสโควิด-19
อะไรที่น่ากลัวกว่า...ไวรัสโควิด-19?
3-4 เรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่า...ในความหมายของรัฐบาล ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ ผอ.ศคบ. เป็นคนที่มีอำนาจมากสุดในประเทศนี้ อย่างน้อยก็ตอนนี้...ตอนที่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และกองทัพฯ ให้การสนับสนุน
หนึ่ง...ความไม่พอใจของผู้คนจำนวนมากในประเทศนี้ จากปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ของคนว่างงานที่ไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท หรือได้รับแต่ล่าช้า และไม่เพียงพอ จนถึงปัญหาเศรษฐกิจธุรกิจ ที่บรรดาร้านรวงจำต้องปิดตัวเอง ตาม “ใบสั่ง” ของรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐ จนเปิดดำเนินการไม่ได้ ขาดรายได้ และขาดทุน
กระแสความไม่พอใจเริ่มก่อตัวรุนแรงมากยิ่งๆ ขึ้น จำเป็นจะต้องรีบ ”ตัดไฟเสียแต่ต้นลม”
หนึ่ง...ความไม่พอใจของบรรดา ส.ส. ทั้งฝ่ายรัฐบาลและซีกฝ่ายค้าน ต่อเนื่องมาจากการ ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯและการออก พ.ร.ก.กู้เงินฯ 1 ล้านล้านบาท รวมถึงแนวทางและมาตรการในการ “แก้ปัญหาไม่ตรงจุด” ที่รัฐบาลดำเนินการมาตลอดช่วงเวลาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ปมปัญหาเหล่านี้ ถูกเรียกร้องให้รัฐบาล เร่งเจรจากับฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ เพื่อให้ตัวแทนประชาชนได้ท้วงติงและเสนอแนะทางออกในการแก้ไขปัญหาที่ประเทศชาติและประชาชนกำลังประสบอยู่
ทว่า เรื่องนี้ อาจเป็นเงื่อนไขที่สร้างความอึดอัดใจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ และบรรดากองเชียร์ เพราะอย่างที่รู้กันว่า...การมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็ไม่ต่างจากการยึดอำนาจจากคณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางกลุ่ม โดยเฉพาะจากพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง...ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย
นั่นก็เป็นอีกเหตุผลที่รัฐบาล จำต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม
อีกหนึ่ง...ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน แม้จะเว้นวรรคไปในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และช่วงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กระทั่ง กลับมาเริ่มต้นกันไป นั่นคือ การประท้วงและขับไล่รัฐบาล ผ่านโลกโซเชียลมีเดีย #MobFromHome คือ แคมเปญที่กลุ่มสหภาพนักเรียน นิสิตนักศึกษา รณรงค์และเชิญชวนให้คนไทย ถ่ายรูปติดข้อความถึงรัฐบาล พุ่งเป้าไปที่ความล้มเหลวของการแก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 แม้จะไม่เห็นหน้าก็ไม่เป็นไร แต่ต้องเห็นข้อความแสบทรวงเหล่านั้น
สิ่งนี้...ขยายตัวและกระจายวงกว้างในโลกโซเชียลฯ อย่างมาก ถึงขั้นติดอันดับหนึ่งของทวิตเตอร์ และอีกหลายๆ ค่าย กลายเป็น...ไวรัล มาร์เก็ตติ้ง ให้ได้เห็นกันในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มิต่างจากการคง “อำนาจพิเศษ” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ต่อไปอีก 1 เดือน เมื่อรวมกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่มีก่อนหน้านี้ นั่นอาจทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลของเขา มีอะไรบางอย่างที่สามารถจะจัดการกับ “เด็กรุ่นใหม่” และอาจรวมถึงใครบางคน? คนบางกลุ่ม? ที่รัฐบาลเชื่อว่า...อยู่เบื้องหลังกิจกรรมออนไลน์ของนักเรียน นิสิตและนักศึกษากลุ่มนี้
อย่าลืมว่า...ปัญหาที่ประเทศไทยและคนไทยกำลังประสบอยู่ในทุกวันนี้ มันประเดประดังถาโคมกันอย่างมากมาย...ไหนจะเรื่องความเป็นความตายจากไวรัสโควิด-19 ไหนจะปัญหาปากท้อง ปัญหาว่างงาน ปัญหาการขาดรายได้...ในขณะที่รายจ่ายยังคงอยู่ ปัญหาเศรษฐกิจและธุรกิจที่ใกล้จะพังพาบ ปัญหาหนี้สาธารณะ หรือพูดง่ายๆ หนี้สินของประเทศ ที่คนไทยในวันข้างหน้าจะต้องร่วมรับผิดชอบกับการกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทของรัฐบาล และอีก 9 แสนล้านบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
หากรัฐบาลไม่ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในขณะที่สถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่าเป็นห่วงนั้น ก็ไม่แน่ว่า...แต่ละกลุ่มก้อนที่เผชิญปัญหาและชะตากรรมที่แตกต่างกัน อาจมาร่วมกันเป็นเนื้อก้อนเดียวกัน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลของเขา
คนหลุดเกณฑ์รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ที่จะมีมากเกือบ 7 ล้านคน, คนที่ได้รับเงินเยียวยาแต่ไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่มี, คนว่างงาน เจ้าของกิจการ/ผู้ประกอบการขนาดเล็กยันขนาดใหญ่ที่ถูกคำสั่งให้ต้องหยุดกิจการ, นักการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะในซีกพรรคร่วมรัฐบาล ที่มองเห็นปัญหาจากนโยบาย/มาตรการของรัฐบาล และต้องการจะผลักดันให้มีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญฯ หาทางออกให้กับประเทศชาติและประชาชน
รวมถึงกลุ่มเก่าที่กลับมาใหม่...อย่าง นักเรียน นิสิตและนักศึกษา รวมถึงประชาชนที่มีความเห็นในทางการเมืองแตกต่างไปจากรัฐบาล...
ทั้งหมด...รอรุมสกัม ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลชุดนี้ และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาล จำต้องต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในครั้งนี้ และอาจจะมีครั้งต่อๆ ไป จนกว่าจะกุมสภาพในบ้านเมืองนี้
เหมือนยุคสมัย คสช.เรืองอำนาจหรือไม่!!!.