"วันนี้ เราต้องการให้ลูกหลานเราอยู่เย็นเป็นสุข คนพวกนี้ทำลายลูกหลาน ทำลายครอบครัวของพวกเราที่หาเช้ากินค่ำมานานแล้ว เอาเงินของคนจนไปซื้อรถหรูแล้วเอามาอวดคนจนอีก มันเหยียบย่ำหัวใจเราเกินไปแล้วครับ เพราะฉะนั้นผมยืนยันว่า ผมจะทำให้มันจนกว่าขอทานให้ได้...." วลีเด็ดของ พล.ต.ต.สมหมาย กองวิสัยสุข อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ที่ประชาชนคนไทยยังคงจดจำได้เป็นอย่างดี... กับปฏิบัติการ "ชัยยะสยบไพรี" อันเลื่องชื่อที่อดีต ผบช.ปส.คนนี้ ที่ลุยปราบปรามมาเฟียยาเสพติดอย่างถึงพริกถึงขิง ลุยแบบชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพื่อโค่นล้มขบวนการค้ายาเสพติดให้สิ้นซากไปจากผืนแผ่นดินไทยจนได้รับคำชื่นชมจากผู้คนไปทั่ว แต่หลังการเกษียณอายุราชการของอดีต ผบช.ปส. ไปแล้วเมื่อปลายปี 2560 ดูเหมือนหน่วยงานปราบปรามยาเสพติดแห่งนี้จะถูกลดบทบาทจนแทบจะ "หายเข้ากลีบเมฆ" ไปเลย! แม้ในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมาเราจะได้ยินข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร หรือฝ่ายปกครอง สามารถสนธิกำลังกันจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดกันเป็นกุรุด จับได้แต่ละทีเป็น 9-10 ล้านเม็ด แต่ดูเหมือนปัญหาการลักลอบส่งเจ้าปีศาจร้ายอย่างยาเสพติดเข้าประเทศ และจ่อจะเข้ามาในเมืองกรุง ก่อนแผ่ขยายไปในทุกพื้นที่ของประเทศไทยนั้น จะไม่ได้บรรเทาเบาบางลงไปแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามปัญหานี้ดูจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก! จนก่อให้เกิดคำถาม เกิดอะไรขึ้นกับนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลกันแน่! เจ้าหน้าที่ระดับสูงในสำนักงาน ปปส. และ DSI เปิดเผยกับ "สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์" ถึงนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลภายหลังการเกษียณราชการของ พล.ต.ต.สมหมาย ไปเมื่อ 2 ปีก่อนว่า หน่วยงาน ปปส. แห่งนี้แทบจะลดบทบาทความสำคัญลงไปหรือไม่ เจ้าหน้าที่ฝีมือดีหลายคนที่เคยสร้างผลงานเคียงบ่าเคียงไหล่ พล.ต.ต.สมหมาย ถูกโยกย้ายพ้นภาระความรับผิดชอบ จนส่งผลต่อการทำงานของหน่วยงานในปัจจุบัน"ในอดีต การจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ของ บก.ปส. แห่งนี้ จะมีการขยายผลติดตามเส้นทางทางการเงิน ติดตามขุมข่ายของกระบวนการนี้อย่างถึงพริกถึงขิง จนทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดเหล่านี้ระส่ำอย่างหนัก" แต่สถานการณ์ปัจจุบันนั้นแตกต่างออกไป การจับกุมขบวนการลักลอบหรือนำเข้ายาเสพติดที่จับกันเป็น 9-10 ล้านเม็ดในแต่ละครั้งก่อนตีปี๊บเป็นข่าวใหญ่โตนั้น เราเห็นเพียงข่าวคราวบนสื่อก่อนจะเงียบหายเข้ากลีบเมฆไป และแทบจะไม่เห็นการสืบเสาะขยายผล ขยายเส้นทางทางการเงิน และความโยงใยของขบวนการเหล่านี้แต่อย่างใด หลายฝ่ายเริ่มตั้งข้อสงสัย การจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ที่ปรากฏออกสื่อดังกล่าวมีเลศนัยแอบแฝงใดอยู่หรือไม่? เหตุใดยิ่งจับกุม ยิ่งปรากฏเป็นข่าวคราวเรากลับยิ่งเห็นขบวนการนี้เติบใหญ่และรุกคืบเข้ามายังประเทศไทยไม่หยุดยั้ง ล่าสุดเมื่อทางการสหรัฐฯ สั่งขึ้นบัญชีดำ หรือ "แบล็คลิส" กลุ่มทุนจีนที่เข้ามาลงขันจัดตั้งโรงแรมคาสิโนยักษ์ "คิงส์โรมัน" บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ โดยระบุว่า เป็นแหล่งฟอกเงินจากการค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ จึงทำให้มีการโยงใยขบวนการค้ายาเสพติด ที่เข้ามาประชิดติดแนวชายแดนไทยนั้น ได้อาศัยฐานบ่อนกาสิโนแห่งนี้รุกคืบเข้าสู่ประเทศไทย ไปถึงขั้นไหนแล้ว และมีการตั้งข้อสงสัยไปถึงนโยบายรัฐต่อการปราบปรามยาเสพติดในเวลานี้ยังคงเอาจริงเอาจังกับการไล่ล่าขบวนการดังกล่าวให้สิ้นซากไปจากประเทศไทยจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่นโยบายไฟไหม้ฟาง เพื่อหวังสร้างผลงานแบบฉาบฉวยจับแต่ปลาซิวปลาสร้อยแต่ปล่อยให้ปลาใหญ่ ยังคงดำเนินการส่งยาเข้าประเทศ โดยที่เจ้าหน้าที่รัฐได้แต่นั่งทำตาปริบๆ บอกตามตรงเราอยากเห็นหน่วยงาน บก.ปปส. แห่งนี้ลุกขึ้นมาทำงานเชิงรุก ดังเช่นที่อดีต ผบช.ปส. วางรากฐานเอาไว้ อีกครั้ง!