สังคมไทยถูกสร้างข้างให้ต้องเลือกมานานแล้ว ใครเลือกข้างผิด...ชีวิตย่อมอับปาง! เลือกข้างถูก...ไม่มีติดคุกตะราง และไม่ถูกยึดทรัพย์ จากนี้...วิถีชีวิตของคนไทย ยุคหลังวิกฤตโควิด-19 ต้องยึดหลักที่มากกว่า New Nomal นั่นคือ...ต้องอยู่(ให้)เป็น หลังเกิดปรากฏการณ์ “ค่าของคน อยู่ที่เป็นคนของใคร?” หลายครั้ง..คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติและที่ดินของ สปก. รวมกันราว 1,700 ไร่ ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.ราชบุรี ถึงตอนนี้...ยังไม่มีความคืบหน้า...คดีนาฬิกายืมเพื่อน 20 เรือน ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่สุด! ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมาก 5:3 ตัดสินว่าไม่ผิด...คดีที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กรุงเทพฯ ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กระทำการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเองในการปฏิบัติราชการ หรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ จนเพื่อน ส.ส.เข้าชื่อรวมกันมากถึง 57 คน หรือ 1 ใน 4 ที่มีในสภาผู้แทนราษฎร ชงเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า...จะสิ้นสุดสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.หรือไม่?คำตอบที่สังคมไทยได้ ก็คือ...คำร้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (5) จึงมีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ พร้อมส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องเพื่อยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 54แต่เพราะคำร้องของผู้ร้องไม่ได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประกอบกับยังไม่ปรากฏว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง ในขั้นนี้ศาลรัฐธรรมนูญจึงยังไม่สั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสองสรุป! ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่อง แต่ไม่สั่งให้นายสิระหยุดปฏิบัติหน้าที่..ยังมีอีกหลายคดีที่เป็นไปในทำนองนี้ และล่าสุดกับคำตัดสินของศาลฎีกาที่เพิ่งตัดสินคดี “ขัดขวางการเลือกตั้ง” ของแกนนำและแนวร่วมกลุ่ม กปปส. ทั้ง 10 คน โดยหนึ่งในนั้น เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม ศาลได้ตัดสินแล้ว โดยยกคำร้องของจำเลยทั้ง 9+1 คนหากมองย้อนกลับไป...ในอีกฟากฝั่งหนึ่ง หากทำในลักษณะเดียวกับคนกลุ่มนี้ มากกว่าการติดคุกติดตะราง นั่นคือ...ต้องถูกยึดทรัพย์สิน และอาจถูกอุ้มหายไปจากสารบบการเมืองการปกครองของประเทศไทย เหมือนที่กลุ่มของ นายสุรชัย แซ่ด่าน อดีตแนวร่วมพรรคคอมมิวนิสต์และพวก ถูกกระทำที่ฝั่ง สปป.ลาว และกับกรณีของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองชาวไทยวัย 37 ปี ที่ถูกอุ้มหายตัวอย่างไร้ร่องรอย บริเวณด้านหน้าอาพาร์ทเม้นท์ที่เจ้าตัวอาศัยอยู่ในใจกลางกรุงพนมเปญทั้งหมดสะท้อนว่า “ค่าของคน อยู่ที่เป็นคนของใคร?”ถึงตรงนี้...หากสังคมไทยยังคง “นิ่งและเพิกเฉย” กับปรากฏการณ์ในลักษณะนี้ โดยก้มหัวให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่พวกเขาจะบงการและชี้นำ เชื่อได้ว่า...การใช้ชีวิตในยุค New Normal หลังวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คงต้องเปลี่ยนไปมากกว่าที่โลกจำต้องเป็น...โลกเป็นอย่างไร? ทำแค่ไหน? ที่ประเทศไทย...คนไทยต้องเป็นและทำมากกว่านั้นการจะ “อยู่เป็น” หรือ “อยู่ไม่เป็น” ย่อมมีผลต่อการดำรงชีวิตนับจากวันนี้ไป...แค่ติดคุกติดตะราง ยังมีวันออกมาพบแสงสว่างแห่งความอิสระ ถูกยึดทรัพย์...ยังพอหาทางทำมาหากิน พอได้เรียกเอาสินทรัพย์กลับคืนมาได้บ้างแต่หากถูกอุ้มหาย และอะไรอื่นอีกมากมายที่จะมีตามมาแล้ว คงไม่อาจกลับตัวหรือกลับลำได้ทัน!นับจากนาทีนี้ไป คนไทยต้องเลือกข้าง “ตัดทิ้งความถูกต้องชอบธรรม” หรือไม่? คงต้องคิดและไตร่ตรองอย่างหนักแน่น ก่อนอื่น...คนไทยต้องยอมรับเสียก่อนว่า “กฎหมายอาจไม่ยุติธรรม แต่กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ” ทว่า...กว่าสิ่งนี้ จะมีให้ได้เห็น คงต้องใช้เวลายาวนาน ตายแล้วเกิดใหม่...ยังจะได้เห็นกันหรือไม่?ต่อให้ในใจไม่อยาก “ร่วมหัวจมท้าย” กับคนกลุ่มนั้น ก็ไม่ควรจะ “ขวางคลอง” ในยามที่กระแสคลื่นน้ำโหมกระหน่ำพัดรุนแรงเช่นทุกวันนี้รู้กิน...รู้อยู่...อยู่ให้เป็น....ชีวิตไม่อับปางแน่!แค่วิกฤตไวรัสโควิดฯ กับมาตรการ “NGO... NGO” ที่ภาครัฐประกาศมาก่อนหน้านี้ ก็ถือว่า...OK (ตกลง) กันไปทั้งองคาพยพแล้ว ทั้งระบบเศรษฐกิจ ระบบธุรกิจ การค้าการขาย การใช้ชีวิต ฯลฯ ทุกอย่าง...แทบจะพลิกฟื้นกลับคืนมาดั่งเดิมได้ยาก หากทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับคนกลุ่มนั้น และกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังอีกล่ะถือว่า...อยู่ไม่เป็น นอกจากจะไม่เป็นสุขแล้ว ยังหาทุกข์มาสู่ครอบครัว พี่น้องร่วมวงศ์ตระกูลกันอีกยกเว้น! คำทำนายของ “พระมหาลำไย” สมเด็จพระสังฆราชองค์ท้ายๆ แห่งราชอาณาจักรกรุงศรีอยุธยา มีจริงและเป็นจริง...ถึงขั้นที่ ประเทศไทยคืนสู่ยุครุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีมีสุข ทรัพย์ในดินทั้งแร่ทองคำและน้ำมัน รวมถึงพลังงานรูปแบบใหม่ เกิดขึ้นมากมายตามคำทำนายเมื่อนั้น...ประเทศไทย จะมีคนไทยเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง สังคมจะยกย่องคนเก่ง...คนดี...คนที่มีคุณธรรม ประเภท “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม” เหมือนเช่นทุกวันนี้...ย่อมไม่มีให้เห็นอย่างแน่นอน!