คำว่า "ทาสแมว" นั้น สำหรับผู้รักแมวเป็นชีวิตจิตใจแล้ว ย่อมเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร แต่สำหรับวงการสื่อนั้น "ทาสแมว" ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงหรือรักแมวอะไรหรอก แต่หมายถึงสื่อประเภทที่กระทำตนเป็น "ทาสในเรือนเบี้ย" ของนักธุรกิจ หรือกลุ่มทุนที่ชุบเลี้ยงตนราวกับทาสในเรือนเบี้ยอย่างสำนักข่าว หรือทีวีบางช่องที่เคยป่าวประกาศ "ผิดจากนี้ไม่ใช่เรา" วันนี้กำลังถูกผู้คนในสังคมสัพยอกเอาว่าตกเป็นทาสแมวไปแล้ว นัยว่าเพราะเจ้านายลงทุนไปเยอะ!ล่าสุดก็เห็นและเป็นไป ก็เห็นจะเป็นกรณีประมูลสิทธิ์สัมปทานร้านปลอดอากร หรือ "ดิวตี้ฟรี" ในสนามบินสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โครงการสัมปทานระดับแสนล้าน ที่ไม่รู้ไปเล่นแร่แปรธาตุกันอีท่าไหน ถึงเล็ดรอดจากการประมูลตาม พระราชบัญญัติร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ พ.ร.บ.พีพีพี ปี 2562 ไปได้ บทที่เครือข่ายต่อต้านการคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาล และ ทอท. นำโครงการนี้เจ้ามาจัดประมูลภายใต้ "ข้อตกลงคุณธรรม" เปิดทางให้เครือข่ายต่อต้านการทุจริต ในภาคประชนเข้าร่วมตรวจสอบกระบวนการประมูล ป้องกันข้อครหาว่า "ล็อกสเปค" กันเอาไว้ตั้งแต่ในมุ้ง ให้สมกับที่นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ป่าวประกาศเอาไว้ก่อนหน้าที่ไหนได้เผลอแผล่บ! นายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ กลับไปเออออห่อหมก กับกระทรวงการคลัง ไม่ต้องนำโครงการประมูลนี้ไปร่อนผ่านตะแกรงคุณธรรมซะงั้น เล่นเอาชาวบ้านร้านรวงงงเป็นไก่ตาแตก ขณะที่เจ้ากระทรวงคมนาคม ก็ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ แบ๊ะๆๆๆ ไม่รู้ว่าอำนาจในการกำกับดูแลโครงการที่แท้จริงอยู่ที่ตน หรืออยู่ที่ใครกันแน่! ส่วนวงการสื่อในยุคที่กำลังเผชิญกับ Disruption จากโลกเทคโนโลยีนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ในทันทีที่บริษัท ทอท. ป่าวประกาศเงื่อนไขการประมูล หรือ "ทีโออาร์" สุดหลุดโลก ประเภทเกิดอีกสิบชาติก็หาไม่ได้แล้ว ทีโออาร์ (ไรวะ) แบบนี้ เพราะไม่เน้นค่าต๋งหรือวงเงินผลประโยชน์ต่อรัฐ หรือ ทอท . สูงสุด แต่จะเน้นประสบการณ์ คุณภาพ และศักยภาพ ของผู้ที่จะรับสัมปทานเป็นหลักต่อให้คู่แข่งแรงเว่อร์เสนอผลตอบแทนแก่รัฐเป็นแสนล้าน ทอท. ก็มีสิทธ์เขี่ยตกขบวน ตัดสินให้พ่ายคู่แข่งได้ทุกเวลา เพราะงานนี้ใครต่อใครก็ฟังธง เขา "ล็อกสเปคตั้งแต่ในมุ้ง"และในทันทีที่ ทอท. เผยโฉมหน้าผู้เข้าประมูลว่ามีใครบ้างเท่านั้นแหล่ะ "ทาสแมว" วงการสื่อ ก็พร้อมใจกันกระพือถึงเวลารักษาสัมปทานดิวตี้ฟรีของประเทศไว้เป็นสมบัติของคนไทย หรือประเภทจะยอมให้ทุนต่างชาติเข้ามาชุบมือเปิบดิวตี้ฟรีไทยกันหรือไรโดยงานนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เจ๊ใหญ่ที่ดันไปมีชื่อพ้องเสี่ยเจ้าของแกรมมี่ อดีตสื่อใหญ่แถวประชาชื่น ที่เคยสวมหมวกนายกสมาคมสื่อฯ เป็นหัวเรือใหญ่ทุ่มซื้อสื่อคุณภาพคับแก้ว เปิดหน้าถึงเวลาช่วยกันปกป้องขุมทรัพย์สัมปทานดิวตีฟรีของคนไทย ไม่ให้ต่างชาติเข้ามา "ชุบมือเปิบ" กันเต็มที่พร้อมเปิดเกมรุกสนามบินนานาชาติอื่น ก็ไม่เห็นจะเปิดให้ดิวตี้ฟรีไทยบุกไปยึดหัวหาดเช่นกัน แล้วเราจะเปิดสัมปทานให้ต่างชาติเข้ามาชุบมือเปิบกันทำไม แน่นอน! เมื่อเจ๊ใหญ่ทาสแมวเปิดหัว ไม่ต้องบอกก็รู้คิวต่อไปยักษ์หัวเขียว ก็คงเปิดรายงานเต็มหน้ากระพือตาม เช่นเดียวกับสื่อออนไลน์ Blog แก๊งค์กูรู้ทั้งหลายที่จะต้องกระพือตามมาตามประสา "ทาสแมว"แต่ที่ไม่รายงานให้คนไทยได้รับรู้ มีสนามบินนานาชาติไหนที่เขาให้สัมปทานกินรวบดิวตี้ฟรีให้เจ้าเดียวผูกขาดกินรวบกันเป็นสิบปีแบบพี่ไทยเราบ้างไหม และทำไมสิบกว่าปีที่เจ้าพ่อดิวตี้ฟรี ตีปี๊บว่าจ่ายค่าต๋งสัมปทาน จ่ายภาษีเจ้ารัฐกันเป็นแสนล้านบาทนั้นมันถึงได้ย้อนแย้งกับรายได้สัมปทานดิวตี้ฟรีอื่นๆ ของโลกเขา ขนาดเขามีปริมาณผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวเข้าประเทศน้อยกว่าไทยเป็นเท่าตัว แต่รัฐกลับได้ค่าต๋งหรือสัมปทานจากผู้ประกอบการดิวตี้ฟรี มากกว่าไทยหลายเท่าตัวเข่นเดียวกับที่เครือข่ายต่อต้านการทุจริตออกมาแฉโพย ความพยายามที่จะ "ล็อกสเปกสัมปทานดิวตี้ฟรีกันตั้งแต่ในมุ้ง"บรรดาทาสแมวเหล่านี้ ก็ดาหน้าออกมาแก้ต่างออกน้ำออกทะเลไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้...เอาเป็นว่ายิ่งอ่านก็ยิ่งเห็นไส้เห็นพุงกันว่างั้นเหอะ!!!