กำลังเป็น Talk of the Town
กับ “ดราม่า” ปรากฏการณ์ “ลุงพล” แห่งบ้านกกกอด ที่สื่อทีวี และ นสพ.บางสำนักช่วยกันปั้นจนโด่งดังเป็นพลุแตก จากการติดตามทำข่าวคดีฆาตกรรมอำพรางของ “น้องชมพู่” ที่ถูกคนร้ายลวงขึ้นไปฆ่าบนเขา เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้าไปดำเนินการควานหาฆาตรกรกันยกหมู่บ้าน ซึ่งก็รวมไปถึงตัว “ลุงพล” ที่เป็นลุงแท้ ๆ ของน้องชมพู่เอง
จาก 1 ในผู้ต้องสงสัยที่ถูกตามติด ชีวิตเปลี่ยน ช่วงระยะเวลาเพียง 3 เดือนเศษ ที่สื่อทีวี 2-3 ช่อง และนสพ.บางสำนักเกาะติดชีวิตลุงพลแทบจะไลฟ์สดกันวันต่อวันนั้น ได้สร้างให้ “ลุงพล” จาก Nobody ขึ้นมาเป็น Somebody อย่างแท้จริง เพราะสื่อทีวี นสพ. ที่ตามติดชีวิตเปื้อนฝุ่นของลุงพล ตั้งแต่ตื่นนอนไปยันเข้านอน แม้แต่ตอนกินข้าวก็ยังไลฟ์สดนั้น
ทำให้ มีผู้คนเข้ามาติดตามกันเป็นล้านวิว ทำให้ “ลุงพล” ติดลมบนชนิดแหกตำราประชาสัมพันธ์ จนทำให้ลุงพลไม่เพียงจะดังเป็นพลุแตก มีโอกาสได้ขึ้นเวทีประชันเสียงศิลปินนักร้องดังอย่าง จินตหรา พูลลาภ ได้เป็นนายแบบเดินแบบ รับงานพรีเซ็นเตอร์ขายสินค้า และยังมีโครงการจะปั้นเป็นดาราและนักร้องตามมาอีก
ปรากฏการณ์ลุงพลวันนี้ แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลสื่ออย่างแท้จริง ท่ามกลางความกังขาของผู้คนที่เสพสื่อกรณีลุงพลว่า สะท้อนอะไรให้กับสังคม!
แต่กับกรณีการ “ทุบและรื้อ” สำนักงานบริษัท บอมเบย์ เบอร์มา (Bombay Burma Treading Corporation) อาคารโบราณ อายุ 130 ปี สร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2432 หลังจากได้รับอนุญาตให้ทำสัมปทานป่าไม้ใน จ.แพร่ ที่ถูกสำนักบริหาร สบด.13 มีคำสั่งให้รื้อทิ้งเพื่อดำเนินการปรับปรุงศูนย์เรียนรู้การป่าไม้แพร่ ที่สร้างความเสียหายให้กับมรดกทางวัฒนธรรมชิ้นสำคัญทางประวัติศาสตร์
ป้ายประกาศ สบอ.13 ที่ติดไว้บอกว่า ปรับปรุงซ่อมแซม อาคารเก่า 125 ปี จังหวัดแพร่ มอบอำนาจให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง โดยมี หจก.แพร่โกสินทร์ก่อสร้าง เป็นผู้ดำเนินการภายใต้วงเงิน 4.56 ล้านบาท แต่สิ่งที่ผู้คนผงะก็คือ กองซากปรักหักพังและกองไม้ของอาคารที่ทำการเดิมที่ถูกทุบทำลายหมดสิ้น แทบไม่เหลือเค้าของอาคารเก่าแก่อายุนับ 130 ปี
โดยไม่มีใครบอกได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับอาคารเก่าที่เป็นมรดกตกทอดทางประวัติศาสตร์ของการทำสัมปทานป่าไม้ที่นี่
ก่อนที่ ธีรวุธ กล่อมแล้ว ประธาน “ภาคีเครือข่ายอนุรักษ์เมืองเก่าแพร่” จะเคลื่อนไหวเปิดโปงขบวนการทุบทำลายประวัติศาสตร์ในครั้งนี้ จนเป็นข่าวครึกโครม ผู้เกี่ยวข้องพากันตั้งคณะทำงาน คณะกรรมการขึ้นตรวจสอบกันโกลาหล พร้อมกับคำสัญญาของผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่จะดำเนินการซ่อมแซมและบูรณะอาคารเก่าหลังนี้ให้กลับมาผงาดดังเดิม!
ผ่านไปวันนี้กว่า 3 เดือนเข้าไปแล้ว ทุกอย่าง “หายเข้ากลีบเมฆ” แผนงานการบูรณะซ่อมแซมอาคารประวัติศาสตร์หลังนี้เงียบหายเข้ากลีบเมฆ การสอบสวนเอาผิด ผู้เกี่ยวข้องว่ามีการดำเนินการอย่างไร จากซ่อมแซมจึงกลายเป็นการทุบทำลายและรื้อทิ้ง ไม่เหลือซาก สื่อที่เคยเกาะติดการทุบทำลายอาคารประวัติศาสตร์ มรดกอันล้ำค่าของประเทศ” หายเข้ากลีบเมฆ”
ผิดกับสื่อที่พากันเกาะติดชีวิตลุงพล ราวฟ้ากับดิน
ทั้งหลายทั้งปวง น่าจะเป็นบทสะท้อนคุณภาพสื่อในบ้านเราเป็นอย่างดี
โดย..แก่งหินเพิง