ไม่มียุคไหนที่จะเอาใจลูกหนี้ในระบบได้มากเท่ารัฐบาลชุดนี้ ผลการจากแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง จะนำไปสู่ยุคทองของลูกหนี้และการก่อหนี้ “ส่วนบุคคล” มากน้อยแค่ไหน? วันเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
ลูกหนี้ยุคนี้...ไม่ว่าจะเป็นหนี้อะไร? จากแหล่งเงินกู้ไหน? ในหรือนอกระบบ! ดูเหมือนจะได้รับการเอาใจใส่จากรัฐบาล มากเป็นพิเศษ...
ต่างจากยุคก่อนหน้านี้...โดยสิ้นเชิง!
ใครเป็นหนี้บัตรเครดิต...จะน้อยหรือหลายใบ หรือจะกี่แบงก์ ทว่า ธนาคารออมสิน...ก็พร้อม “อ้าแขนรับ” นำมารวมศูนย์ไว้ด้วยกัน
ผ่านการ “รีไฟแนนซ์” ในทีเดียว...ประหยัดดอกเบี้ยและการส่งเงินต้นในแต่ละงวด
เจ้าหนี้...โดยเฉพาะกลุ่มนอกระบบ เริ่มอยู่ยาก? หลังจากมี “ฟิโก้ไฟแนนซ์” ซึ่งรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง เปิดให้กลุ่มทุนในระบบเข้ามาทำธุรกิจนี้ ขยายไปทั่วประเทศ
ดอกเบี้ย...บนความชอบธรรมและถูกกฎหมาย การทวงหนี้...ไม่ได้รุนแรงเหมือนกลุ่มเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบทำกัน
ขืนเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบใช้วิธีการ “หวงหนี้” อย่างเดิม...
คุก! และการยึดทรัพย์ตามกฎหมายฟอกเงินของ ป.ป.ง. คือ คำตอบสุดท้ายที่จะมีตามมา
อีกข่าวดีสำหรับลูกหนี้! และเป็นสิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ดำเนินการตามแนวทางของรัฐบาล นั่นคือ...การออกประกาศแนวปฏิบัติสำคัญ เรื่องการชำระหนี้ ช่วยให้ลูกหนี้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น
โฟกัสไปที่...การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้และการตัดชำระหนี้
ระดับ “โฆษกรัฐบาล” อย่าง....นายอนุชา บูรพชัยศรี ออกมาแถลงข่าวเรื่องนี้ ว่า หลักเกณฑ์ใหม่นี้ มีเป้าประสงค์จะลดภาระหนี้ สร้างความเป็นธรรมในการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชน และลดการเกิดหนี้ด้อยคุณภาพในระบบการเงิน
นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติที่สาคัญในระบบการเงินของไทยใน 3 เรื่อง...
1. การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชําระหนี้บนฐานของ “เงินต้นที่ผิดนัดจริง” เท่านั้น ไม่ให้รวมส่วนของเงินต้นของค่างวดในอนาคตที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระ
ต่างจากแนวปฏิบัติเดิมที่หากผิดนัดชาระหนี้เพียงงวดเดียว ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้จากฐานเงินต้นคงค้างทั้งหมด ส่งผลให้มูลค่าดอกเบี้ยผิดนัดสูงมาก
เกณฑ์ใหม่นี้จะทำให้การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้สอดคล้องกับความเป็นจริง และเกิดความเป็นธรรมกับประชาชนมากขึ้น
2. การกําหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชําระหนี้ที่ “อัตราดอกเบี้ยตามสัญญาบวกไม่เกิน 3%”
เช่น ถ้าอัตราดอกเบี้ยตามสัญญาคือ 8% ผู้ให้บริการทางการเงินจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชาระหนี้ได้ไม่เกิน 11% โดยต้องคำนึงถึงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งจากเดิมที่ผู้ให้บริการทางการเงินสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัด ชำระหนี้ได้เอง
ยกตัวอย่าง...กำหนดตามอัตราดอกเบี้ยสูดสุดในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ที่ 15% หรือบางกรณีสูงถึง 18% หรือ 22% ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ได้
ดังนั้น การปรับ 2 เกณฑ์ในครั้งนี้ จะช่วยให้ลูกหนี้พยายามจ่ายชำระหนี้ ลดโอกาสการผิดนัดชำระหนี้ และยังช่วยให้ระบบการเงินมีความสมดุลมากขึ้น การฟ้องร้องดำเนินคดีจะลดลง
และ 3. การกําหนดลําดับการตัดชําระหนี้โดยให้ “ตัดค่างวดที่ค้างชําระนานที่สุดเป็นลําดับแรก” เพื่อให้ลูกหนี้ทราบลำดับการตัดชำระหนี้ที่ชัดเจน
โดยเมื่อลูกหนี้ชำระหนี้ เงินที่จ่ายเข้ามาจะถูกนำไปจ่ายค่าธรรมเนียม ดอกเบี้ย และเงินต้นของงวดหนี้ที่ค้างชำระนานที่สุดก่อน
ต่างจากแนวทางเดิมที่เงินที่จ่ายเข้ามาจะถูกนำไปตัดค่าธรรมเนียมทั้งหมด ตามด้วยดอกเบี้ยทั้งหมด ก่อนนำเงินส่วนที่เหลือมาตัดเงินต้น
การปรับเกณฑ์ใหม่นี้ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เงินงวดที่ลูกหนี้ผ่อนในแต่ละเดือน สามารถตัดถึงเงินต้นได้มากขึ้น ช่วยลดการเกิดหนี้ด้อยคุณภาพหรือ NPL รวมทั้งช่วยให้ลูกหนี้มีกำลังใจในการจ่ายชำระหนี้ต่อเนื่อง และยังช่วยให้ประวัติการผ่อนชำระหนี้ของลูกหนี้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากขึ้น
เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ปีหน้า...
ล่าสุด ธนาคารออมสิน ยุคของ นายวิทัย รัตนากร ที่ประกาศตัวจะเป็น “ธนาคารเพื่อสังคม” เพิ่งประกาศลงทุนในกิจการใหม่ “รับจำนำสมุดทะเบียน” ทั้งรถยนต์และจักรยานยนต์
วงเงินไม่เกิน 2 แสนบาทต่อราย คิดอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 18%
โดยได้กลุ่ม “ศรีสวัสดิ์” ที่มีประสบการณ์ตรงกว่า 40 ปี มาร่วมธุรกิจใหม่ ผ่านบริษัทลูกที่ชื่อ “เงินสดทันใจ”
มีฐานลูกค้าหลักและรอง...รองรับให้งัดกลยุทธ์การตลาดมาเล่นมากถึงกว่า 6 ล้านคน
3 ล้านคนแรก...เป็นลูกค้ากลุ่มเดิมที่อยู่ในระบบเงินกู้ “สินเชื่อจำนำสมุดทะเบียนรถ” โดยกลุ่มนี้...มีที่เป็นลูกค้าเดิมของกลุ่มศรีสวัสดิ์ราว 5 แสนราย
แต่แค่นี้...ก็ทำให้พวกเขามีมาร์เก็ตแชร์ในตลาดฯ ไปแล้วเป็นอันดับ 2
กลุ่มหลังอีก 3 ล้านคน...เป็นกลุ่มคนที่ถูกปฏิเสธจากระบบธนาคารพาณิชย์ จะด้วยเหตุผลที่ประวัติการกู้ยืมในเครดิตบูโรไม่ดีพอ หรือฐานรายได้เสี่ยงเกินไป ก็ตาม
ทำให้คนกลุ่มนี้...พลาดหวังในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ บางราย...หันไปซบกับ “เจ้าหนี้นอกระบบ” แทน!
ตรงนี้...คือ โอกาสที่ ธนาคารออมสิน จะสร้างทั้ง “เงินและกล่อง”
ดอกเบี้ยใหม่...ที่จะปฏิวัติวงการ “สินเชื่อจำนำสมุดทะเบียนรถ” จากที่เคยมีอยู่ในระดับ 25% และสร้างผลกำไรส่วนต่าง ให้กับนายทุนฯไม่ต่ำกว่า 15-20% จะหายไปทันที!
แต่แค่ส่วนต่างของผลกำไร 7-10% ที่ธนาคารออมสิน ในนาม “เงินสดทันใจ” ได้รับนั้น มันก็สูงเกินเกณฑ์มาตรฐานเดิมที่แบงก์รัฐเคยได้รับเพียง 2-2.5% สูงสุดถึง 5 เท่าตัว เลยทีเดียว
แถมธนาคารออมสิน ยังชื่อว่า...เป็นผู้สร้างและให้ความชอบธรรมในระบบสินเชื่อรูปแบบนี้อีก
กับเป้าหมายเล็กๆ ที่ ตัวแทนผู้บริหารกลุ่มศรีสวัสดิ์ ตั้งไว้เบาะๆ แค่ 1 ล้านคนในปีแรก...เอาเข้าจริง! อาจสูงกว่านั้นเยอะ
ด้วยเหตุที่... “เงินสดทันใจ” กู้ง่าย ได้เร็ว ดอกเบี้ยถูก แถมยังมีเครือข่ายสาขาของกลุ่มศรีสวัสดิ์เอง 5,000 แห่ง รวมกับสาขาของธนาคารออมสินอีก 1,060 แห่ง
แค่นี้...ก็ครอบคลุมทั่วทุกหัวระแหงแล้ว
กลุ่มศรีสวัสดิ์มีลูกค้าฯ ตุนอยู่แล้ว 5 แสนราย โอกาสที่จะคว้า “พุงปลา” กับคนที่เหลือในกลุ่มนี้อีก 5.5 ล้านราย ด้วยเงื่อนไขข้างต้น...
คงไม่ยากแล้ว
เหลือก็แต่...คู่แข่งธุรกิจ ทั้งเบอร์ 1 และเบอร์ 3 ลงไป...จะพลิกผัน “หั่นดอกเบี้ย” ลงมาเล่นในตลาดนี้...มีสูงมาก!
เมื่อทุกฝ่าย...ลงมาเล่นในเกมส์เดิม แต่กติกาใหม่ ย่อมส่งผลดีต่อลูกหนี้ และระบบสินเชื่อส่วนบุคคล ผ่านการรับจำนำสมุดทะเบียนรถ
ปัญหาหนี้นอกระบบจะคลายและค่อยๆ หายไป...
ถือเป็นยุคทองของลูกหนี้ และการก่อหนี้ โดยแท้!