กรมพัฒน์ฯ ปั้น Smart Trader Online ช่วยขายสินค้าชุมชน จับคู่ธุรกิจระหว่างนักการค้าออนไลน์มืออาชีพกับสินค้าชุมชนคุณภาพ ให้ก้าวไปด้วยกัน
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เดินหน้าสร้างและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการสู่การเป็นนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ (Smart Trader Online) พร้อมทั้งจับคู่เชื่อมโยงเจรจาธุรกิจ (Business Matching) กับสินค้าชุมชนที่มีศักยภาพ เพื่อช่วยจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ตลอดจนเป็นการสร้างโอกาสทางการค้า สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน และพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า “กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการฐานรากให้มีความเข้มแข็งและมีความพร้อมในการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) กรมฯ จึงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมผู้ประกอบการชุมชน และเกษตรกร ให้สามารถจำหน่ายสินค้าชุมชนที่อยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อช่วยเพิ่มช่องทางตลาด สร้างโอกาส สร้างอาชีพและรายได้เพิ่มให้กับชุมชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศผ่านการสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากในยุคดิจิทัล โดยใช้พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นเครื่องมือสำหรับผู้ประกอบการยุคใหม่ ในรูปแบบวิถีปกติใหม่ (New Normal)”
“จากสถานการณ์การการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ในครั้งนี้ จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้สามารถดำเนินธุรกิจและเติบโตต่อไปได้ ซึ่งอาจมีผู้ประกอบการบางส่วนที่มีความสามารถด้านการผลิตมากกว่าการตลาด และยังไม่คุ้นชินกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มช่องทางการค้าออนไลน์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการสินค้าชุมชน กรมฯ เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงหาแนวทางเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการชุมชนสามารถอยู่รอดในยุคนี้ต่อไปได้ โดยกิจกรรมสร้างนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ Smart Trader Online ซึ่งเริ่มตั้งแต่การบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพให้พร้อมสู่การเป็นนักการค้าออนไลน์ (Trader Online) สร้างทักษะ และองค์ความรู้ด้านการค้าออนไลน์ พร้อมทั้งส่งเสริมสู่การเป็นนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ (Smart Trader Online) การจับคู่เชื่อมโยงเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ (Smart Trader Online) กับผู้ประกอบการชุมชนที่มีสินค้าที่มีความพร้อมและมีศักยภาพ รวมทั้งกระตุ้นและส่งเสริมการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาด และสร้างรายได้ให้กับชุมชน”
อธิบดีฯ เปิดเผยว่า “หลังจากที่กรมฯ ได้เฟ้นหาพ่อค้าและแม่ค้าออนไลน์ทั่วประเทศ เพื่อคัดเลือกเข้ารับการอบรมและพัฒนาสู่การเป็นนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ จำนวนกว่า 400 ราย ใน 2 หลักสูตร คือ 1) หลักสูตร “สร้างนักการค้าออนไลน์ (Trader Online)” จำนวน 400 ราย และ 2) หลักสูตร “สร้างนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ (Smart Trader Online)” จำนวน 60 ราย ครอบคลุม 4 ภูมิภาค โดยทั้ง 2 หลักสูตรได้กูรูชั้นนำของประเทศมาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ด้าน e-Commerce รวมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และด้านการตลาดออนไลน์ มาเป็นพี่เลี้ยงคอยให้คำปรึกษาในการดำเนินการบริหารจัดการการค้าออนไลน์แก่นักการค้าออนไลน์มืออาชีพ (Smart Trader Online)
ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังมีการประชาสัมพันธ์และช่วยกระตุ้นและส่งเสริมการตลาดของสินค้าชุมชนที่ได้รับการจับคู่และนำไปจัดจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ของนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ (Smart Trader Online) อาทิ Facebook, Instagram, LINE Shop, e-Marketplace หรือ Website เพื่อให้สินค้าชุมชนเป็นที่รู้จักเกิดการรับรู้ในวงกว้าง เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภค และเพิ่มโอกาสในการจำหน่ายสินค้า
ในโอกาสนี้ อธิบดี ได้ kick off การอบรมเชิงปฏิบัติการสร้างนักนักการค้าออนไลน์ (Trader Online) ภาคกลาง ในระหว่างวันที่ 1 – 2 เมษายน 2564 ณ โรงแรม แกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น โฮเต็ล จังหวัดนนทบุรี เพื่อบ่มเพาะและพัฒนาความรู้สู่การเป็นนักการค้าออนไลน์ (Trader Online) และคัดเลือกผู้ประกอบการออนไลน์ที่มีศักยภาพในการต่อยอดสู่การเป็นนักการค้าออนไลน์มืออาชีพ (Smart Trader Online) ต่อไป
“หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมดังกล่าว ซึ่งมีแผนดำเนินการครบคลุมทั้ง 4 ภาค จะช่วยสร้างและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และสามารถช่วยเหลือสินค้าชุมชน สร้างโอกาสทางการค้าสมัยใหม่ สร้างอาชีพของตนเอง เพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจ และช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้กับสินค้าชุมชน อันจะส่งผลต่อความเข้มแข็งของชุมชนและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของประเทศอย่างยั่งยืน
ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่เข้าสู่สภาวะ New Normal การตลาดออนไลน์ (Online marketing) มีการเติบโตขึ้นแบบทวีคูณ ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับความท้าทายในการดำเนินธุรกิจ E-Commerce ดังนั้นธุรกิจทั้งออนไลน์และออฟไลน์ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์อำนวยความสะดวกให้ผู้บริโภคให้เข้าถึงสินค้าได้ทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ความยืดหยุ่นในการปรับตัวให้สามารถตอบโจทย์ให้ผู้บริโภคได้มากที่สุด จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและอยู่รอดได้” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กองพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทรศัพท์หมายเลข 0 2547 5959 สายด่วน 1570 และ www.dbd.go.th