นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษา พล.อ.ประวิทย์ วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่า..
รถไฟความเร็วสูงในเส้นทางสายไหมช่วงลาว-จีนจากเวียงจันท์ถึงคุนหมิง จะเปิดเดินรถแล้วในวันที่ 2 ธันวาคมนี้!!!
1. ส่วนของประเทศไทยซึ่งทำสัญญากันก่อนลาวเพิ่งสร้างเสร็จเพียง3.5กิโลเมตรที่บ้านกลางดงถึงปางอโศก ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการคมนาคมที่น่าอับอายที่สุดชิ้นเอกของโลก เนื่องจากไม่มีใครสร้างทางรถไฟ 3.5 กิโลเมตรมาก่อนเลย
2. ทางรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางสายไหมจีน-เวียดนาม ก็กำลังใกล้จะเปิดเดินรถจากคุนหมิงถึงฮานอยในเร็วๆ นี้แล้ว ในขณะที่ยังมีเส้นทางรถไฟปกติจากเวียตนามถึงกวางสีที่ใช้ในการขนส่งสินค้าอยู่แล้ว จากนั้นก็จะเชื่อมลงใต้เข้าสู่เขมรที่สีหนุวิน
ดังนั้น ต่อไปนี้ถ้าคนไทยจะไปจีนหรือตะวันออกกลางหรือยุโรปหรือรัสเซีย โดยรถไฟความเร็วสูงในเส้นทางสายไหมก็ต้องไปขึ้นรถไฟที่เวียงจันท์ หรือต่อไปก็อาจไปขึ้นที่สีหนุวินของเขมร เพราะไทยกลายเป็นพื้นที่นอกเส้นทางสายไหมไปแล้ว
อายเขาบ้างไหม?
สภาพเช่นนี้ประเทศไทยจะสูญเสียโอกาสอย่างยิ่งเพราะนักท่องเที่ยวจากยุโรป ตะวันออกกลาง รัสเซียจีนมาเที่ยวไทยโดยรถไฟความเร็วสูงไม่ได้
3. จะเป็นการดีที่สุดถ้าเร่งสร้างรถไฟความเร็วสูงจากหนองคายถึงเวียงจันท์ระยะทางแค่ 16 กิโลเมตร ให้เร็วที่สุด ก็จะเป็นเส้นทางเชื่อมไทยกับเส้นทางสายไหมทั่วโลกได้ เพราะเพียงสถานีเดียว ใช้เงินลงทุนแค่ 30,000 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลไทยหรือรัฐบาลลาวจะเป็นเจ้าภาพสร้างหรือสร้างร่วมกันหรือให้สัมปทานก็ได้ และถ้าทำกันจริงๆ ก็ไม่ต้องลงเงิน เพราะได้มีการเจรจากับประธาน aiib ให้สนับสนุนทางการเงินอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรีได้สั่งการเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว ก็ยังไม่คืบหน้า ไม่รู้ว่าไอ้โม่งตัวไหนไปเตะตัดขาขวางไว้ ซึ่งจะส่งผลเท่ากับปิดพรมแดนด้านเหนือ -อีสานนั่นเอง
แม้มีการประชุมร่วมกันที่ปักกิ่งถึง 2 ครั้งแล้ว ก็ยังไม่ไปไหน ไม่คิดจะถือเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญแล้วผลักดันให้สำเร็จหรือครับ เพราะจะเป็นผลงานชิ้นเอกของรัฐบาลได้สักเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องที่คิดอ่านทำขึ้นในยุคนี้ เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของชาติควรเร่งรัดให้สำเร็จโดยเร็วครับ
ขณะที่เพจ Narong Tananuwat ได้รายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า การวางรางรถไฟ ลาว-จีน ตามโครงการ Halfway corridor ระยะทาง 417 กม.จากต้นทางเวียงจันทน์ ผ่านหลวงพระบาง หลวงน้ำทา บ่อเต็น ถึงปลายทางที่ชายแดนยูนนานของจีนได้เสร็จสมบูรณ์ 100% แล้ว เป็นรางขนาด 1.435 เมตร มี 31 สถานีรวมทั้ง 5 สถานีหลัก วิ่งผ่านอุโมงค์ 76 แห่ง ความยาวรวม 195.78 กิโลเมตรและสะพาน 154 สะพาน ความยาวรวม 67.15 กิโลเมตร เงินลงทุนประมาณ 6,800 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 238,000 ล้านบาท) สามารถเชื่อมต่อระบบรถไฟจีน ไปเที่ยวถึงสิบสองปันนา แล้วต่อไปยังเมืองคุนหมิงซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลยูนนาน
แม้ในสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม รถไฟลาว-จีน ก็ดำเนินการไปตามแผนที่กำหนดซึ่งจะเปิดดำเนินการวันที่ 2 ธ.ค.64 ซึ่งเป็นวันชาติของ สปป.ลาว