จากข้อมูล Worldometers & Johns Hopkins เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 64 หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทย เกิน 6,087 คน (2 ก.ค.64) ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อต่อประชากรล้านคนของไทย พุ่งติดอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อเปรียบเทียบกับทั่วโลกประมาณ 30 ประเทศ ที่มีประชากรกว่า 50 ล้านคน ทั้งนี้การติดเชื้อรายใหม่ต่อจำนวนประชากรล้านคนของไทยแซงหน้าอเมริกา และสูงกว่าอินเดียมากกว่า 2 เท่า
นี่คือ..สถานการณ์โควิด-19 ในไทย ที่มีผู้ติดเชื้อวันละ 5-6 พันคน เสียชีวิต 40-50 ศพ/วัน เตียงไอซียูตามโรงพยาบาลต่างๆ กำลังไม่มี ในขณะที่วัคซีนยังมาแบบกะปริดกะปรอย ด้วยยอดการฉีดวัคซีนสะสม 77 จังหวัด ระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-1 ก.ค.64 รวม 10,227,183 โดส มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรก 7,364,585 ราย และได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 2,862,598 ราย
“เสือออนไลน์” ถามไถ่พรรคพวกที่สนิทกันมานาน มีนามเรียกขานว่า “พี่ช้าง” แกย้ายครอบครัวลงไปปักหลักทำธุรกิจอยู่ จ.ภูเก็ต ช่วงก่อน “สึนามิ” จะมาเยือน เพื่อสอบถามถึงบรรยากาศของโครงการ “ภูเก็ต แซนด์ บ็อกซ์” (กระบะทราย) ไม่ใช่การสร้าง “ปราสาททราย” ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงไปปล่อยไก่ไว้เล้าใหญ่!
พี่ช้างบอกว่า ตอนนี้คนภูเก็ตจนเหมือนกันหมด! ไม่มี “นายหัว” ส่วนตัวพี่ช้างเองเมื่อก่อนพกเงินวันละแสนบาท แต่ตอนนี้มีเงินในกระเป๋าวันละ 1,000-2,000 บาท ถือว่าหรูแล้ว!
พี่ช้างบอกว่า ธุรกิจท่องเที่ยวในภูเก็ตพังพาบตั้งแต่มีการไล่ทุบ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ตามมาด้วยเหตุการณ์เรือนักท่องเที่ยวจีนล่มในทะเล และหนักสุด คือ การระบาดโควิด-19 ในช่วง 1 ปีกว่าๆ
“ถ้าจะให้บูมเหมือนเมื่อก่อน ภูเก็ตยังต้องพึ่งนักท่องเที่ยวจีน ส่วนนักท่องเที่ยวฝรั่ง-แขก คงมาบ้างแต่ยังไม่เยอะหรอก มาเฉพาะคนที่เคยมาอยู่ภูเก็ต 2-3 เดือน หรือครึ่งปีแล้วชอบภูเก็ตจริงๆ จึงกลับมาอีก ส่วนประเภท Backpack ยังไม่มาหรอกช่วงนี้ ส่วนตัวมองว่า ธุรกิจท่องเที่ยวในภูเก็ตยังไม่ได้ฟื้นง่ายๆ ให้ปี 65 อีกปีด้วยซ้ำกว่าจะฟื้น”
พี่ช้างฉายภาพต่อไปว่า ในภูเก็ตมีผู้ประกอบการ “เจ็ตสกี” รายใหญ่ ที่มีเจ็ตสกีประมาณ 200 ลำ ต้องใช้ลูกน้องลำละ 3 คน คอยดูแลนักท่องเที่ยว โดยช่วงที่ธุรกิจบูมๆ ช่วงไฮซีซั่น เคยรับนักท่องเที่ยวจีนได้ถึงวันละ 10,000 คน แต่พอโควิด-19 มา เขาลากเจ็ตสกีขึ้นฝั่ง ปล่อยลูกกลับไปอยู่บ้านในต่างจังหวัดหมดแล้ว
แล้วเขาจะเรียกลูกน้องกลับมาบริการนักท่องเที่ยวน้อยนิดแค่นี้ คุ้มหรือเปล่าที่จะเรียกลูกน้องกลับมาทำงาน? อย่าลืมว่าคนต่างจังหวัดที่มาทำงานในภูเก็ต ส่วนใหญ่อยู่ได้เพราะ “ทริป” จากนักท่องเที่ยว เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูง ถ้าไม่มี “ทริป” คนงานอยู่ลำบาก
เหมือนกับค่ายมวยไทยชื่อดังในภูเก็ต ช่วงเศรษฐกิจบูมและไฮซีซั่น มีลูกน้อง 200 คน และมีรายได้วันละ 4-5 ล้านบาท จากการที่มีฝรั่งมาเรียนชกมวยไทย รวมทั้งรายได้จากการขายเสื้อ-กางเกง-อุปกรณ์นักมวย-ของที่ระลึก แต่ปิดค่ายมวยไปหลายเดือน เพื่อให้ลูกน้องกลับบ้านไปหมดแล้ว
ส่วนโรงแรม-รีสอร์ท 70-80% ปิดกิจการชั่วคราวไปตั้งแต่ปลายปี 63 ปล่อยพนักงานกลับบ้านต่างจังหวัด ปล่อย “เชฟฝรั่ง” ฝีมือดีๆ กลับประเทศ แล้วไปคุยกับธนาคารเพื่อขอพักการจ่ายดอกเบี้ย-เงินต้น ไว้ก่อน ซึ่งธนาคารคงไม่อยากยึดกิจการเหล่านี้มาเป็นภาระ
ช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มีโรงแรม-รีสอร์ท 5-6 ดาว ประกาศขายโปรโมชั่นห้องพัก 1 คืน รวมอาหารเช้า ห้องละ 800-1,200 บาท ถือว่าถูกมาก! แล้วโรงแรม 3-4 ดาว คุณจะขายห้องพักคืนละเท่าไหร่?
ใครจะ “รีโนเวท” โรงแรม แล้วเรียกลูกน้อง-เชฟฝรั่งกลับมาเพื่อบริการนักท่องเที่ยวคืนละ 5-10 ห้องในช่วงนี้ โรงแรมที่พออยู่ได้คือพวก “เชน” โรงแรมใหญ่ๆ มีสายป่านยาวจริงๆ หรือเป็นโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลมาก่อนเท่านั้น จึงจะพอเปิดได้ ไม่ต้องพูดถึงผับ-บาร์-ร้านอาหาร จะเปิดไหวหรือเปล่า? เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวฝรั่ง-แขกที่ยังไม่มากมาย เพราะยังไม่มีทัวร์จีนมาลง ยังไม่มีคนไทยไปเที่ยวภูเก็ต เพราะคนไทยฉีดวัคซีนกันน้อย และไม่ค่อยมีเงินเหมือนก่อน นี่คือภาพรวมของการท่องเที่ยวภูเก็ต
ส่วนภาคธุรกิจอื่น เช่น ประมงก็ขายเรือกันไปตั้งแต่เจอสหภาพยุโรป (อียู) เล่นงานประเทศไทย มีการแจกธงเหลือง-ธงแดงให้กับธุรกิจประมงของไทย ใครจะทำธุรกิจประมงต่อไปต้องเจอเงื่อนไขมากมาย ต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆ มาติดบนเรือลำละเป็นล้านบาท สุดท้ายก็ต้องจอดเรือทิ้ง ไม่ออกจากฝั่ง บ้างก็ขายเรือประมงออกไปเป็นจำนวนมาก
ในขณะที่สวนยางพารา เจอปัญหาราคายางตกต่ำต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว จึงโค่นต้นยางทิ้งไปกันเยอะ แถมปีนี้ภูเก็ตฝนตกชุก! จึงกรีดยางไม่ได้! โดยปกติ จ.ภูเก็ต จะขาดแคลนน้ำจืดตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค. แต่จะมีคนทำธุรกิจรับจ้างขนน้ำจืดตามขุมเหมือง ไปส่งตามสถานประกอบการ โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร และบ้านเรือน
แต่ช่วงปีกว่าๆ สถานประกอบการ โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร ปิดกิจการจำนวนมากเพราะโควิด-19 แถมฝนตกชุกตลอด ปีนี้ภูเก็ตจึงไม่ขาดแคลนน้ำจืด แต่คนรับจ้างขนน้ำจืดตกงานจำนวนมาก
นี่คือ..ภาพรวมของ “ภูเก็ต” ที่ผู้คนจนเหมือนกันหมด ต่อให้ปี 65 อีกปี ก็ยังไม่ฟื้นง่ายๆ!
เสือออนไลน์