กลายเป็นปมร้อนฉ่าทันที หลังเปิดศักราชใหม่ปี 65 “ปีเสือดุ” ปมร้อนสนามบินเบตง จ.ยะลา สร้างเสร็จแล้วยังไม่สามารถเปิดใช้งานได้เต็มรูปแบบในเชิงพาณิชย์ และบางส่วนสะท้อนถึงความล่าช้า
สนามบินเบตงก่อสร้างในปี 2560 สร้างเสร็จในปี 2562 แต่ยังไม่สามารถเปิดบินในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบได้ เนื่องจากทางวิ่งหรือรันเวย์สนามบินความยาว 1,800 เมตร ไม่สามารถรองรับเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ แต่รองรับเครื่องบินขนาดเล็ก อย่าง ATR-72 ขนาด 80 ที่นั่งเท่านั้น
จนกลายเป็นความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจหรือไม่ เพราะสนามบินเบตงแห่งนี้ทุ่มงบลงทุนไปกว่า 1,900 ล้านบาท และส่อจะกลายเป็นสนามบินร้างในที่สุด
ทั้งนี้ ยังพบว่า ในบริเวณสนามบินไม่มีคลังน้ำมันสำหรับเติมเครื่องบิน ทำให้เกิดคำถามอีกว่า กรณีเที่ยวบินกรุงเทพฯ-เบตง หากใช้ได้แค่อากาศยานขนาดเล็ก เครื่องจะไม่สามารถบินไปกลับได้ทันที เพราะต้องแวะเติมน้ำมันที่สนามบินอื่น หรือไม่ก็ขนส่งน้ำมันมาทางรถยนต์มาเติมที่สนามบิน
สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ จึงทำการสำรวจสนามบินอื่นๆ ของกรมท่าอากาศยาน ซึ่งมีอยู่กว่า 80 แห่งทั่วประเทศ และพบว่า ในช่วงที่ผ่านมานั้น มีสนามบินภูธรในลักษณะเดียวกัน ที่รัฐลงทุนไปนับพันล้านบาท แต่กลับไม่ได้มีการใช้งานปล่อยให้เป็นสนามบินร้าง
บางแห่งนั้นกลายเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงวัวเลี้ยงควายมานับ 10 ปี ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า “มีสนามบินอย่างน้อย 10 แห่ง ที่ปัจจุบัน แทบไม่มีเที่ยวบินขึ้นลง และถูกปล่อยทิ้งร้าง”..
อาทิ ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ ที่มีพื้นที่กว่า 4,100 ไร่ ไม่ได้มีการใช้งาน และไม่มีเที่ยวบินเปิดให้บริการแล้ว หลังจากผู้โดยสารส่วนใหญ่จะบินตรงไปลงที่ท่าอากาศยานพิษณุโลก และเดินทางโดยรถยนต์มากขึ้น ส่งผลให้ท่าอากาศยานเพชรบูรณ์ถูกปล่อยร้างมา 10 กว่าปีโดยไม่ได้มีการใช้งาน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมมีนโยบายที่จะให้โอนสนามบินที่ยังคงพอมีศักยภาพไปให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ทำการบริหาร แต่ล่าสุดพบว่า การโอนย้ายสนามบินของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) 4 สนามบิน ได้แก่ สนามบินอุดรธานี สนามบินกระบี่ สนามบินชุมพร และสนามบินบุรีรัมย์ ให้ ทอท.
ปรากฏว่า กลับไปไม่ถึงฝั่ง เพราะติดขัดเรื่องการโอนย้าย ไหนจะข้อกฎหมายรองรับ สุดท้ายเรื่องเงียบหายเหมือนเป่าสาก!
อย่างไรก็ตาม กรมท่าอากาศยานชี้แจงตอบโต้ว่า ตามที่เป็นข่าวไม่ทราบว่า ผู้นำเสนอต้องการอะไร และคำว่า “สนามบินร้าง” ก็ไม่ทราบหมายถึงอะไร ทั้งที่ความจริง คือ กรมท่าอากาศยาน กำกับดูแลสนามบินทั้งสิ้น 29 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งสนามบินทุกแห่งยังใช้ประโยชน์จริงไม่เป็นปัญหา หากไม่ใช้ในเชิงพาณิชย์ก็ใช้กิจการอื่นๆ เช่น การฝึกบินของนักบิน การบินเพื่อทำฝนหลวง เพื่อประโยชน์ทางการเกษตร
สนามบินที่ทำการบินเชิงพาณิชย์มีทั้ง 20 สนามบิน ประกอบด้วย สนามบินชุมพร ตาก กระบี่ ของแก่น ตรัง นครพนม น่าน พิษณุโลก ร้อยเอ็ด ลำปาง อุดรฯ อุบล นครศรีธรรมราช นราธิวาส บุรีรัมย์ ปาย แพร่ ระนอง สกลนคร สุราษฎร์ธานี
ที่เหลืออีก 9 แห่ง เป็นสนามบินที่ไม่มีสายการบินในเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย สนามบินลำปาง เพชรบูรณ์ แม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน เลย นครราชสีมา หัวหิน ปัตตานี และเบตง
10 สนามบิน ทย. เชิงพาณิชย์หยุดชะงัก
นอกจากนี้ ภายหลังเกิดเหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19 ธุรกิจการบินต้องหยุดชะงักทันที การใช้สนามในเชิงพาณิชย์ถูกระงับ กรมท่าอากาศยานยอมรับว่า สนามบินที่เคยใช้บินในเชิงพาณิชย์ต้องหยุดให้บริการตั้งแต่ปี 63 จนถึงปัจจุบันยังไม่เปิดใช้งานได้
เรื่องนี้ นายทวี เกศิสำอาง อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า ขณะนั้นยังมีประกาศการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2558 (พ.ร.ก ฉุกเฉิน) เพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางจึงน้อยลง และมีหลายสายการบินประกาศหยุดทำการบินทั้งเส้นทางภายในประเทศ และระหว่างประเทศ
“ขณะนี้ไม่มีเที่ยวบินพาณิชย์และผู้โดยสารมาใช้บริการแล้ว จำนวน 10 สนามบิน ประกอบด้วย สนามบินแม่ฮ่องสอน, สนามบินน่านนคร, สนามบินเลย, สนามบินนครพนม, สนามบินร้อยเอ็ด, สนามบินหัวหิน, สนามบินนราธิวาส, สนามบินปาย, สนามบินนครราชสีมา และสนามบินเพชรบูรณ์”
ส่วนปมร้อนสนามบินเบตง จ.ยะลา การชี้แจงของกรมท่าอากาศยานต้องบอกว่า ไม่ได้กระจ่างชัดเจน สรุปคือ กรมท่าอากาศยานเองยอมรับออกแบบมาขนาดความรันเวย์ 30 เมตร คูณ 1,800 เมตร รองรับเครื่องบินขนาดเล็ก ATR72 เท่านั้น
ความจริงทุกวันนี้ เมืองไทยแทบจะไม่มีเครื่องบินขนาดเล็กบินแล้ว เท่าที่มีบินบ้างก็ที่สนามบินลำปาง พิษณุโลก ดังนั้น อนาคตจะต้องขนาดรันเวย์เพิ่มขึ้น 2,500 เมตร เพื่อรองรับเครื่องใหญ่ ..นี่จึงสะท้อนถึงความล่าช้าการทำงานรัฐบาล แถมยังผลาญงบประมาณก้อนโตไปอย่างน่าเสียดาย!