ผ่านยกแรกมาอย่างทุลักทุเลหลังระฆังลั่นให้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ขึ้นต้นยกที่สองกับการจัดสรรโควตารัฐมนตรี แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะเจรจากันมาก่อนที่จะมารวมกัน แต่เกมกลับไม่นิ่ง ต่างออกอาการอยากดูแลกระทรวงนั้นกระทรวงนี้ เพราะห่วงจะไม่ได้ทำงานเพื่อประชาชน จนชาวบ้านเอือมระอาว่าเมื่อไหร่พวกคุณๆท่านๆทั้งหลายจะได้เริ่มต้นทำงานกันอย่างจริงจังเสียที
ภาพออกมาเหมือน “แย่งชามข้าว” กัน อย่างที่หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ฉบับวันที่ 10 มิ.ย. 2562 พาดหัวตัวไม้หน้าหนึ่งว่า “แย่งชามข้าวร้าวหนัก” สุนัขที่แย่งชามข้าวมักจะทำตาขวาง ออกเสียงขู่ไปทั่ว ไม่รู้ไปอดอยากมาแต่หนไหน ชาวบ้านจะอดตายกัน ปัญหาเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว ยังจะมาแย่งเค้ก ห่วงผลประโยชน์ของตัวเองกันอีก
งานนี้คงต้องดูว่า ท้ายที่สุด “บิ๊กตู่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะจัดการปัญหาความวุ่นวายได้อย่างไร คงไม่ง่ายเหมือนรัฐบาลทหารแบบที่ผ่านมา และที่สำคัญจะคุมเกมได้ยาวไปถึงยกสุดท้ายได้หรือไม่ เพราะทุกพรรคดูจะไม่ไว้หน้าและขบเหลี่ยมกันตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่พรรคเล็กพรรคน้อย
โรงละครการเมืองที่เปิดแสดงในรอบนี้ ดูยังไงก็เล่นวนกันแต่บทเดิมๆ ชิงดีชิงเด่น ไม่ผิดกับละครน้ำเน่าชิงรักหักสวาทชาวบ้านไม่ได้อะไรนอกจากความเบื่อหน่าย รอแค่ว่าเมื่อไหร่จะปิดวิกเสียที ทั้งที่เพิ่งซื้อตั๋วรอบใหม่นี้มาแบบหวังลึกๆจะได้ดูละครที่ไม่ซ้ำเดิม แต่สุดท้ายก็มานั่งเสียดายค่าตั๋ว
ภาพที่ชาวบ้านอยากเห็นคือ แต่ละพรรคการเมืองส่งตัวแทนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงในด้านนั้นเข้าไปบริหารกระทรวงที่ได้รับมอบหมาย ขับเคลื่อนงานให้ออกมาเป็นรูปธรรม แสดงวิสัยทัศน์ตั้งแต่วันแรกที่เข้ากระทรวงว่าจะแก้ปัญหาอะไรและด้วยวิธีการอะไร ตามลำดับขั้นตอน ภายในระยะเวลาเท่าใด
ที่สำคัญถ้าทำไม่ได้จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร เป็นคำมั่นสัญญาที่ควรจะบอกกล่าวกับประชาชน มากกว่าเน้นพิธีกรรมดูฤกษ์เข้ากระทรวง ปรับฮวงจุ้ยกระทรวง แต่งห้องทำงานใหม่ เปิดห้องรับแขกที่เข้ามาแสดงความยินดีไม่หยุดหย่อน กว่าจะได้เริ่มทำงานเป็นเรื่องเป็นราวก็เสียเวลาไปเป็นแรมเดือน เป็นกันมาแบบนี้ทุกยุคทุกสมัย ดีใจที่ได้เป็นเสนาบดีกันไม่รู้จบสิ้น
จับตาไว้ให้ดีกับนักการเมืองประเภทที่ปากบอกว่า ห่วงว่าตัวเองจะไม่ได้ดูแลประชาชน เชื่อขนมกินได้เลยว่าคนพวกนี้พอรับตำแหน่งแล้ว จะฉลองความดีใจกันจนลืมไปว่าชาวบ้านเขากำลังรอคอยการแก้ปัญหาอยู่
คนดีมีความสามารถ มีความรับผิดชอบ มีคุณธรรมจริยธรรม นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านอยากเห็น อยากให้เป็น แต่สิ่งที่มักได้รับคือ เจ้าของพรรคการเมืองตัวจริงเสียงจริงทั้งหลาย ส่งลูกไล่ ผู้เชื่อฟังนายและรับใช้ใกล้ชิด รวมไปถึงญาติพี่น้อง ภรรยา สามี นายทุนพรรค มานั่งกินตำแหน่งรัฐมนตรีบางทีก็แค่ “หุ่นเชิด” คงไม่ต้องพูดถึงความรู้ความสามารถ ความเหมาะสมที่จะเข้ามานั่งบริหารงาน เป็นการดูถูกประชาชนอย่างที่สุด
ผลลัพธ์ที่ได้คือประเทศถอยหลัง นักการเมืองที่อยู่ข้างหลังชักใยโกงกินไม่รู้จักจบสิ้น โดยที่ตัวเองไม่ต้องมาออกหน้ารับผิดชอบ น่าจะหมดไปเสียทีกับรัฐมนตรีประเภทความต้องการผลประโยชน์สูง แต่ความรู้ความสามารถและจริยธรรมต่ำ ไม่เห็นหัวประชาชน ไม่ใส่ใจความเดือดร้อนของชาวบ้าน
หากรอบนี้ “บิ๊กตู่” เสียงแข็ง ให้แต่ละพรรคคัดสรรคนดีมีความสามารถเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ให้แสดงวิสัยทัศน์ให้เป็นที่ประจักษ์ก่อนที่จะเคาะตำแหน่งให้เป็นรายบุคคล นี่อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่ “บิ๊กตู่” จะทิ้งผลงานไว้ให้กับประเทศ ไม่ใช่เฉพาะประเทศที่จะอยู่รอด ตัว “บิ๊กตู่” เองก็อยู่รอดด้วยเช่นกัน หากปล่อยให้แต่ละพรรคสร้างอาณาจักรของตัวเองก็ตัวใครตัวมัน
ไม่เชื่อไปถาม “พี่มาร์ค - อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ได้ว่าเจอฤทธิ์เดชอะไรบ้างจากพรรคร่วมรัฐบาลเมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และดูท่าว่ารอบนี้จะหนักกว่าเสียด้วย
โดย...ลูกชาวนา