ยุคของโลกไร้พรมแดน เมื่อ “วอชิงตันโพสต์” สื่อเก่าแก่ทรงอิทธิพลของสหรัฐอเมริกา ลงบทบรรณาธิการ ประมาณว่าแม้พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหาร จะพลิกผันกลายเป็นนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลที่ได้ชื่อว่ามาจากการเลือกตั้ง แต่ประชาธิปไตย “จอมปลอม” ของไทย ยังไม่คู่ควรกับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ
ขณะที่สื่อมวลชนญี่ปุ่น อย่าง “นิกเกอิเอเชี่ยนรีวิว” ระบุการเมืองไทยจะย้อนกลับไปเกือบ 40 ปีที่แล้ว คือยุคประชาธิปไตยครึ่งใบ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แต่ทำให้ไทยย้อนกลับไปสู่ยุค 1980 (พ.ศ. 2523) คือยุคที่ปกครองแบบประชาธิปไตยครึ่งใบ
ทางด้านเว็บไซต์ ”ดิอีโคโนมิสต์” สื่อเก่าแก่ของเมืองผู้ดีอังกฤษ เผยแพร่บทวิเคราะห์ที่ชื่อว่า “ผู้นำรัฐบาลทหารไทยบิดเบือนกฎต่างๆ เพื่ออยู่ในอำนาจต่อไป” มีเนื้อหาของบทความว่า เวลามากกว่า 5 ปี หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจ และแต่งตั้งตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี แล้วการเลือกตั้งเมื่อเดือน มี.ค. 62 ภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบให้เอื้อประโยชน์ต่อพรรคพวกที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นำไปสู่การลงมติในสภาเพื่อเลือกให้เขากลับมาดำรงตำแหน่งนายกฯ อีกสมัยได้สำเร็จ
“ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ แนะให้คนไทยอ่านหนังสือต่อต้านระบอบเผด็จการ แอนนิมอล ฟาร์ม แต่ไม่ฉุกคิดว่าเป็นเรื่องเสียดสีประชดประชันระบอบเผด็จการ เนื่องจากในเวลาต่อมาเขาได้รับการลงคะแนนจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ซึ่งแต่งตั้งมาเองโดยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และมากกว่าครึ่งของ ส.ว. เป็นทหาร-ตำรวจ ไม่เว้นแม้แต่น้องชายของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้รับการแต่งตั้งด้วย” ดิอีโคโนมิสต์ ระบุ
นอกจากนี้ นักวิชาการและนักการเมืองไทย ได้วิเคราะห์อนาคตของ พล.อ. ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้นำคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจแล้ว กลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทั้งบทบาทและอำนาจของ พล.อ. ประยุทธ์ จะไม่เหมือนกับช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ที่เขามีมาตรา 44 จะปลด โยกย้ายใคร หรือจะเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้
แต่ครั้งนี้เป็นรัฐบาลผสม ที่มีพรรคร่วมรัฐบาลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ถึง 27 พรรค และมีฝ่ายค้านอีก 7 พรรค ทำหน้าที่คอยตรวจสอบการทำงานทั้งในสภาฯ และนอกสภาฯ
พูดง่ายๆ ว่า แม้จะได้เป็นนายกฯ ต่อไปอีก แต่อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะไม่มีมาตรา 44 อยู่ในมือ แล้วจะประคับประคองรัฐบาลผสม 27 พรรค ให้อยู่ได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เนื่องจากผลงานบริหารประเทศของพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ไม่เข้าตาผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ทำมาค้าขายไม่คล่อง คนไม่มีกำลังซื้อ แถมการมาเป็นนายกฯ ในรอบ 2 ท่ามกลางมรสุมและถูกโจมตีว่าไม่ใช่รัฐบาลประชาธิปไตย แต่เป็นรัฐบาลเผด็จการครึ่งใบ
เห็นได้จากคนไทยจำนวนมาก รวมทั้งสื่อมวลชนหลายสำนักในต่างประเทศ ต่างวิพากวิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างรุนแรง เนื่องจากไม่เชื่อถือ ไม่ศรัทธารัฐบาลชุดใหม่ ที่สำคัญคือนักลงทุนไม่มั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ
ไม่ต้องพูดถึงรูปร่างหน้าตาของคณะรัฐมนตรี เนื่องจากตอนนี้ยังแบ่งเก้าอี้ แบ่งกระทรวงกันไม่เสร็จ
ดังนั้น เรื่องของตัวบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรี จึงยังไม่นิ่ง แต่ที่เห็นคร่าวๆ คือ พรรคภูมิใจไทย จะได้คุมกระทรวงคมนาคม-สาธารณสุข-ท่องเที่ยว ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะได้คุมกระทรวงเกษตรฯ-พาณิชย์-พัฒนาสังคม พรรคชาติไทยพัฒนา จะได้คุมกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ พรรครวมพลังประชาชาติไทย ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หนุนอยู่ข้างหลัง อาจจะได้คุมกระทรวงแรงงานฯ ส่วนที่เหลือเป็นของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล
เอาเป็นว่าบรรดานักการเมืองพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลชุดนี้ “ส่วนใหญ่ตกงาน อดยากปากแห้งกันมาหลายปี” การเข้ามาบริหารประเทศในปัจจุบัน ซึ่งมีฝ่ายค้านและภาคสังคมคอยตรวจสอบอย่างหนัก ประกอบกับเป็นช่วงที่มีการทำสงครามการค้าอย่างดุเดือด เศรษฐกิจในประเทศไม่ดีและมีหนี้ครัวเรือนสูง
แถมไม่ได้รับความเชื่อถือ และศรัทธาจากคนส่วนใหญ่ในประเทศ และสังคมโลก
ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เหนื่อย!
เสือออนไลน์