เศรษฐกิจแย่-หนี้เพียบ-ปัญหาสังคมอื้อ ถ้ายังมี“พรรคเบี้ยหัวแตก” ไปไม่รอด!การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย เริ่มกลับมาเข้ารูปเข้ารอย เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาเสียที! หลังจากมีสัญญาณกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องของ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.พรรคพลังธรรมใหม่ มาขอให้ศาลวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญว่า กรณีรัฐสภาลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของผู้ร้องหรือขัดหรือแย้งต่อหลักนิติธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง และขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 วรรคหนึ่งมาตรา 27 85 93 และมาตรา 94 หรือไม่โดยศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลว่า ผู้ร้องไม่อาจยื่นร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 เนื่องจากรัฐธรรมนูญมาตรา 156 มาตรา 255 และ 256 ได้บัญญัติกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิ์ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้ว และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยที่ประชุมรัฐสภา เป็นการกระทำทางนิติบัญญัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่รัฐกำหนด ซึ่งไม่ปรากฏว่าผู้ร้องเป็นบุคคลซึ่งถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญโดยตรงจากการกระทำใดรวมทั้งกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มีมติให้ใช้สูตร 100 หารคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งงานนี้ส่งผลทำให้พรรคเล็กเหนื่อยแน่ ถึงขั้นสูญพันธุ์ หรือถ้าพรรคเล็กจะสู้ต่อ ก็ต้องขยายฐานสมาชิกเพิ่ม และต้องทำงานหนักขึ้น แต่หากสู้ไม่ไหวก็อาจไปรวมกับพรรคใหญ่ที่มีแนวทางเดียวกันพูดง่ายๆ ว่า หลังจากนี้การเมืองการปกครองของไทยต้องเข้ารูปเข้ารอย เข้าที่เข้าทางเหมือนประชาธิปไตยในสังคมโลก ไม่ใช่พรรคการเมืองได้คะแนนจากทั่วประเทศแค่ 3-4 หมื่นคะแนน ก็มี ส.ส.ได้ 1-2 คน แบบนี้มันไม่ไหว!หนักไปกว่านั้น คือ..“ส.ส.ปัดเศษ” แบบทุเรศทุรังจากการเลือกตั้งปี 62 โดยเฉพาะเลือกการเลือกตั้งซ่อมที่ จ.เชียงใหม่ มีผู้สมัคร ส.ส.บางพรรคการเมืองได้แค่ 1,700 กว่าคะแนน แต่กลับได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน นี่คือความแย่ของรัฐธรรมนูญปี 60 ที่เอื้อประโยชน์ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผู้เคยทำรัฐประหารเมื่อปี 57 นั่งสืบทอดอำนาจไปเรื่อยๆ เกือบ 8 ปีแล้วท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังรุมเร้าในทุกมิติ เนื่องจาก 7 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ “จีดีพี” ของประเทศโตเฉลี่ยอยู่ที่ 1% กว่าๆ อยู่รั้งท้ายของอาเซียนตัวเลขจำนวนคนจนช่วงก่อนโควิด-19 ระบาดสูงถึง 13-14 ล้านคน แต่เมื่อเจอโควิดระบาดมา 2 ปีกว่า ตัวเลขคนจนพุ่งขึ้นไปถึง 20 ล้านคน ขณะที่ตัวเลขหนี้สาธารณะขยับเข้าใกล้ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือน 14.5 ล้านล้านบาท (กว่า 90% ของจีดีพี)ไหนจะปัญหาสังคม คนไทยฆ่าตัวตายทำสถิติสูงติดอันดับโลกในช่วง 2-3 ปีนี้ โอกาสที่เด็กนักเรียนจะหลุดออกจากระบบการศึกษา เพราะปัญหาความยากจนอีกหลายหมื่นคน รวมทั้งปัญหากระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่นพุ่งสูง เพราะ “ป.ป.ช.” มัวแต่ไปจับจ้องเรื่องราวของกลุ่มอำนาจเก่าในอดีตมากไปหรือเปล่า? แต่หาการทุจริตในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ทำรัฐประหารเข้ามาบริหารประเทศ ไม่เจอเลย!ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจ เนื่องจากช่วงต้นปี 65 ที่ผ่านมา องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ ได้เปิดเผยผลสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริตประจำปี 64 จาก 180 ประเทศทั่วโลก พบว่า ไทยคะแนนลดลงจาก 36 เหลือ 35 คะแนน ลดลงไป 1 คะแนน แต่ร่วง 6 อันดับ จาก 104 ไปอยู่อันดับที่ 110 พูดง่ายๆ ว่า แย่กว่ายุครัฐบาลประชาธิปไตยเสียอีกทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ล้วนเป็นผลพวงมาจากการรัฐประหารปี 57 เป็นผลผลิตจากรัฐธรรมนูญปี 60 ทั้งสิ้น ดังนั้น จึงปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้อีกต่อไป กับการทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ทำให้พรรคการเมืองกลายเป็นเบี้ยหัวแตก พอถึงเวลาก็ต่อรองรอรับ “กล้วย” ปัจจุบันหนี้สาธารณะพุ่งเข้าใกล้ 10 ล้านล้านบาท หนี้ครัวเรือน 14.5 ล้านล้านบาท (กว่า 90% ของจีดีพี) งบประมาณรายจ่ายประจำปีติดลบสูงอย่างต่อเนื่องมาหลายปี เราจะยอมให้ในสภาผู้แทนราษฎรมีมากกว่า 20 พรรคการเมือง นั่งกันหน้าสลอนกลมกลืนไปกับ ส.ว.ลากตั้งอีก 250 คน ต่อไปไม่ได้หรอก!!เสือออนไลน์