ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ วิศวกรผู้เชี่ยวชาญโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และรองหัวหน้าพรรค ปชป. ได้โพสต์ในหัวข้อ ”6.8 หมื่นล้านที่ล่องลอยไป” โดยระบุว่า..
ช็อกแทบหมดสติ ! ไปตามๆ กัน เมื่อ BTSC แฉให้เห็นชัดๆ ว่า ต้องการรับเงินสนับสนุนจาก รฟม. ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกแค่ 9.6 พันล้านเท่านั้น ต่ำกว่า BEM ผู้ชนะการประมูลถึง 6.8 หมื่นล้าน น่าเสียดายยิ่งนัก ! ที่เงินก้อนใหญ่ซึ่งเป็นภาษีของพวกเรากำลังจะล่องลอยไป แล้วเราจะปล่อยให้เงินจำนวนมหาศาลหายลับไปกับสายน้ำอย่างนั้นหรือ ? บ้านนี้เมืองนี้ เรายังตามหาความเป็นธรรมในการประมูลเจออีกหรือไม่ ?
1. การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม มีเกณฑ์เลือกผู้ชนะอย่างไร ?
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ประกาศเชิญชวนเอกชนให้ร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) และเดินรถตลอดสายทั้งช่วงตะวันตกและตะวันออก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี) เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 แต่ในระหว่างการประมูล รฟม. ได้เปลี่ยนเกณฑ์ประมูล ทำให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ฟ้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองกลาง ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาว่า เกณฑ์ประมูลเดิมชอบด้วยกฎหมายแล้ว และการแก้ไขเกณฑ์ประมูลนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ รฟม. ไม่เห็นด้วย จึงเดินหน้าสู้ด้วยการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ยังไม่ทันที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งลงมา รฟม. ได้ชิงล้มการประมูลไปก่อน การประมูลที่ถูกล้มไปถือว่าเป็นการประมูลครั้งที่ 1
ต่อมา รฟม. ได้เปิดประมูลใหม่เป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 โดยมีเกณฑ์การคัดเลือกผู้ชนะการประมูลเหมือนกับครั้งที่ 1 ดังนี้
(1) ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องผ่านการพิจารณาข้อเสนอซองที่ 1 (ข้อเสนอด้านคุณสมบัติ) ซึ่ง รฟม. ได้ปรับแก้คุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอที่ประกอบด้วย ผู้เดินรถไฟฟ้าและผู้รับเหมา โดยได้ปรับแก้คุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าให้ผ่านเกณฑ์ง่ายขึ้นกว่าการประมูลครั้งที่ 1 แต่ปรับแก้คุณสมบัติของผู้รับเหมาให้ผ่านเกณฑ์ยากขึ้น
(2) ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องผ่านการพิจารณาข้อเสนอซองที่ 2 (ข้อเสนอด้านเทคนิค) ซึ่ง รฟม. ได้เพิ่มคะแนนผ่านข้อเสนอด้านเทคนิคให้สูงขึ้นกว่าการประมูลครั้งที่ 1 (จาก 85%เป็น 95%)
(3) ผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านการพิจารณาข้อเสนอซองที่ 1 และซองที่ 2 จะต้องมาแข่งกันที่ข้อเสนอซองที่ 3 (ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน) ใครเสนอผลประโยชน์สุทธิ (เงินตอบแทนให้ รฟม. หักด้วยเงินที่ขอรับสนับสนุนค่าก่อสร้างจาก รฟม.) คิดเป็นมูลค่าในปัจจุบันสูงที่สุด จะเป็นผู้ชนะการประมูล
จึงเห็นได้ชัดว่า รฟม. มีเกณฑ์การคัดเลือกผู้ชนะการประมูลโดยจะพิจารณาจากผลประโยชน์สุทธิที่ รฟม. ได้รับไม่มีปัจจัยอื่นมาเจือปน ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับที่รฟม.ใช้ในการประมูลโครงการอื่นๆ
2. ใครชนะการประมูล ?
รฟม. เปิดซองข้อเสนอซองที่ 3 (ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน) ของเอกชน 2 ราย ซึ่งเป็นเอกชนที่ผมได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่าจะมีเพียงเอกชน 2 รายนี้เท่านั้นที่จะยื่นประมูล ส่วน BTSC ซึ่งเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวจะไม่สามารถยื่นประมูลได้ แต่ รฟม. ได้ชี้แจงว่าการประมูลครั้งที่ 2 รฟม.ได้เปิดกว้างให้เอกชนจำนวนมากรายเข้าร่วมประมูลได้ ในกรณีที่ยื่นข้อเสนอเป็นกลุ่มนิติบุคคล จะมีผู้นำกลุ่มนิติบุคคลไทยอย่างน้อย 4-5 ราย และต่างชาติอีกจำนวนมาก
แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไร ? มีผู้ยื่นข้อเสนอแค่ 2 รายเท่านั้น ! อีกทั้ง 1 ใน 2 รายที่ยื่นข้อเสนอยังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติที่ไม่น่าจะผ่านการพิจารณาข้อเสนอด้านคุณสมบัติ แต่ รฟม. ก็ให้ผ่านมาแล้ว
ผลการเปิดซองข้อเสนอซองที่ 3 (ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทน) มีดังนี้
(1) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM เสนอผลประโยชน์สุทธิให้ รฟม. ติดลบ 78,287.95 ล้านบาท นั่นหมายความว่า BEM เสนอผลตอบแทนให้ รฟม. น้อยกว่าเงินที่ขอรับสนับสนุนค่าก่อสร้างจาก รฟม. ทำให้ รฟม. จะต้องให้เงินสนับสนุนแก่ BEM จำนวน 78,287.95 ล้านบาท
(2) ITD Group ซึ่งประกอบด้วย ITD และ Incheon Transit Corporation หรือ ITC ผู้เดินรถไฟฟ้าจากเกาหลี เสนอผลประโยชน์สุทธิให้ รฟม. ติดลบ 102,635.66 ล้านบาท นั่นหมายความว่า รฟม. จะต้องให้เงินสนับสนุนแก่ ITD Group จำนวน 102,635.66 ล้านบาท
จากผลประโยชน์สุทธิดังกล่าวส่งผลให้ BEM เป็นผู้ชนะการประมูล เนื่องจากเสนอผลประโยชน์สุทธิให้ รฟม. มากกว่า ITD Group หรือ รฟม. จะต้องให้เงินสนับสนุนแก่ BEM น้อยกว่าให้ ITD Group นั่นเอง
3. BTSC เสนอผลประโยชน์สุทธิให้ รฟม. เท่าไหร่ ?
ในการประมูลครั้งที่ 1 ซึ่งถูกล้มไป BTSC ได้เสนอผลประโยชน์สุทธิให้ รฟม. (ติดลบ)- 9,675.42 ล้านบาท นั่นหมายความว่า รฟม. จะให้เงินสนับสนุนแก่ BTSC จำนวน 9,675.42 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ชนะการประมูลในการประมูลครั้งที่ 2 คือ BEM ที่ รฟม.ต้องให้เงินสนับสนุนแก่ BEM มากกว่า BTSC ถึง 68,612.53 ล้านบาท ! (78,287.95-9,675.42)
อาจเป็นที่สงสัยว่า ข้อเสนอของ BTSC ในการประมูลครั้งที่ 1 สามารถนำมาเปรียบเทียบกับข้อเสนอของ BEM ในการประมูลครั้งที่ 2 ได้หรือ ? ผมขอตอบว่าได้ เพราะราคากลางค่าก่อสร้างในการประมูลทั้ง 2 ครั้ง เท่ากัน คือ 96,012 ล้านบาท รวมทั้งระยะเวลาก่อสร้างไม่เกิน 6 ปี และระยะเวลาเดินรถ 30 ปี เหมือนกัน
อาจเป็นที่สงสัยอีกว่า ทำไม BTSC จึงไม่เข้าร่วมประมูลครั้งที่ 2 ผมขอตอบว่า BTSC ไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ เพราะไม่สามารถหาผู้รับเหมามาเป็นผู้ร่วมยื่นข้อเสนอได้ เนื่องจากมีการปรับแก้คุณสมบัติของผู้รับเหมาให้ผ่านเกณฑ์ยากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ยื่นข้อเสนอจะต้องประกอบด้วยผู้เดินรถไฟฟ้าและผู้รับเหมา
ผมได้ตั้งข้อสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่า ในการประมูลครั้งที่ 2 นั้น รฟม. ได้ปรับแก้คุณสมบัติของผู้เดินรถไฟฟ้าให้ผ่านเกณฑ์ง่ายขึ้น แต่ได้ปรับแก้คุณสมบัติของผู้รับเหมาให้ผ่านเกณฑ์ยากขึ้น
ทำไม รฟม. จึงทำเช่นนั้น ?
4. ทำไม BTSC จึงกล้าขอรับเงินสนับสนุนแค่ 9.6 พันล้าน เท่านั้น ?
เมื่อดูไส้ในข้อเสนอของ BTSC พบว่า BTSC เสนอผลตอบแทนให้แก่ รฟม. 70,144.98 ล้านบาท และขอรับเงินสนับสนุนค่าก่อสร้างจาก รฟม. 79,820.40 ล้านบาท หรือเสนอผลประโยชน์สุทธิให้แก่ รฟม. ติดลบ -9,675.42 ล้านบาท (70,144.98-79,820.40) นั่นหมายความว่า รฟม. จะให้เงินสนับสนุนแก่ BTSC จำนวน 9,675.42 ล้านบาทเท่านั้น
ตัวเลขที่ BTSC เสนอน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ ตัวเลขเงินที่ขอรับการสนับสนุนค่าก่อสร้างจากรฟม. จำนวน 79,820.40 ล้านบาท ที่น่าสนใจก็เพราะว่าราคากลางค่าก่อสร้างของ รฟม สูงกว่านี้มาก คือ 96,012 ล้านบาท สูงกว่าที่ BTSC ขอรับการสนับสนุนถึง 16,191.60 ล้านบาท ! (96,012-79,820.40)
ถามว่าเป็นไปได้หรือที่ BTSC จะคิดราคากลางผิด? ถ้าเป็นไปไม่ได้ แล้วทำไมราคากลางของ รฟม. จึงโป่งถึงขนาดนี้ ? รฟม. คิดผิดหรือ ?
5. สรุป
จากการติดตามการประมูลมาหลายโครงการ ผมเห็นว่ากรณีการประมูลที่ตรงไปตรงมา หากมีข้อสงสัยเกิดขึ้นผู้เกี่ยวข้องกับการประมูลจะชี้แจงกี่ครั้งก็ชี้แจงได้เหมือนเดิม แต่กรณีการประมูลที่ไม่ชอบมาพากล ผู้เกี่ยวข้องกับการประมูลจะชี้แจงเท่าไหร่ก็ฟังไม่ขึ้น เพราะมันย้อนแย้ง !
ผมยังมีความหวังว่า บ้านนี้เมืองนี้ เรายังตามหาความเป็นธรรมในการประมูลเจอ แม้จะริบหรี่ก็ตาม !
ภาวนาขออย่าให้เป็นยุคการประมูลแบบ “รู้ตัวผู้ชนะก่อนเปิดซอง” เลย เจ้าประคู้ณ !
หมายเหตุ: อ่านเพิ่มเติม..
เนตรทิพย์:Hot Issue
“บีทีเอส” ดับเครื่องชน รฟม. ร่อนแถลงการณ์แจงเหตุฟ้อง ยันถูกกีดกันประมูล ทำรัฐเสียประโยชน์มหาศาล
http://www.natethip.com/news.php?id=5789