ขณะที่คนไทยทั้งประเทศกำลังรอลุ้น! กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยปมวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.นี้
แต่มีรายการ “คั่นเวลา” มาให้ลุ้นกันไปพลางๆก่อนว่าอดีต “แกนนำม็อบนกหวีด” ซึ่งถือว่าเป็นคนกันเองกับ พล.อ.ประยุทธ์ จะเข้าคุกหรือไม่?
เนื่องจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทน ผบ.ตร. พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์ เป็นจำเลยที่ 1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทน 396 แห่ง (โรงพักร้างสร้างไม่เสร็จ) โครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ) ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.
หลังจาก ป.ป.ช. ยื่นฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 9 มิ.ย.52-18 เม.ย.56 จำเลยที่ 1 เเละที่ 2 เปลี่ยนแปลงแนวทางจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 หลัง จากราคาภาค แยกสัญญามาเป็นการรวมจัดจ้างก่อสร้างไว้ที่ส่วนกลางสัญญาเดียว ส่วนจำเลยที่ 5 เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยจำเลยที่ 6 ยื่นเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคาได้เสนอ ราคาต่ำอย่างผิดปกติ จำเลยที่ 3-4 ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคา ไม่ตรวจสอบราคาที่ผิดปกติดังกล่าว และได้นำเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคานั้นไปใช้ในการขออนุมัติจ้างและใช้ประกอบ เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา
ต่อมาจำเลยที่ 5 ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยที่ 1, 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจำเลยที่ 3, 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10, 12 กับลงโทษจำเลยที่ 5, 6 ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิด
สรุปคือ.. ให้ผู้รับเหมาเพียงรายก่อสร้างโรงพักทดแทนทั่วประเทศ จำนวน 396 แห่ง แค่คนงานผสมปูนก็รู้ว่า ถึงอย่างไรต้องสร้างไม่เสร็จอย่างแน่นอน จึงต้องลุ้นกันว่า วันที่ 20 ก.ย.นี้ นายสุเทพจะโดน “เช็คบิล” ไปก่อน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่?
พล.อ.ประยุทธ์กับนายสุเทพ จัดว่าเป็นคนกันเอง แค่มองตาก็รู้ใจกัน แล้วเหตุการณ์เดือนพ.ค.57 ก็เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ นี่แหละที่เป็นคนทำรัฐประหาร หาทางลงให้กับม็อบนกหวีดของนายสุเทพที่ไม่รู้ว่าจะไปต่ออย่างไร หลังจากพวกเขาขัดขวางการเลือกตั้ง ล้มการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.57 จนสำเร็จมาแล้ว!
แต่ชะตากรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องลุ้นในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ว่า จะได้ไปต่อ หรือต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ เด็ดขาดไปเลย
แต่ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาในรูปแบบใด พล.อ.ประยุทธ์ กับคนไทยส่วนใหญ่จะไม่เหมือนเดิมแล้ว คือ ถ้ายังได้อยู่ต่อ เรื่องความสมาร์ท ความสง่างาม ไม่ต้องพูดถึง เนื่องจากภาพพจน์ในตัว “นายกฯ ชำรุดยุทธ์โทรม” จะติดลบหนักเข้าไปอีก
ที่สำคัญ คือ เสถียรภาพของรัฐบาลกำลังง่อนแง่น ทั้งจากปัญหาร่าง พ.ร.บ.กัญชาของพรรคภูมิใจไทยที่ถูกคว่ำไป ประกอบกับช่วงใกล้เลือกตั้ง ความสัมพันธ์ของพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มมีการกระทบกระทั่ง แย่งชิงฐานเสียง ชิงพื้นที่และตัวผู้สมัคร ส.ส. ไหนจะบลัฟกันเรื่องผลงานที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ถือว่าเป็นสมรภูมิการต่อสู้สำหรับการเลือกตั้งเที่ยวหน้าที่ดุเดือดกว่าภาคอื่น “กล้วย” จะสะพัดมากกว่าที่อื่น
แล้วที่น่ากังวล คือ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ ที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่รักษาการแทนนายกฯ ปรากฎว่า พล.อ.ประวิตร กลับดูกระชุ่มกระชวย เดินปร๋อไปจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ใส่กางเกงยีนส์ลุยงานเต็มที่เหมือนเพิ่งอายุ 50 ปี จนมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากคนในพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทยว่าพล.อ.ประวิตร ทำงานเข้าท่ากว่า พล.อ.ประยุทธ์ เพราะพิธีรีตองน้อยกว่ากัน แถมเข้าได้กับทุกคนทุกฝ่าย มีความเข้าใจ ส.ส. และเข้าใจชาวบ้าน
ถ้ามีเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ แบก พล.อ.ประวิตร ไปหาเสียงเลือกตั้ง ง่ายกว่าการแบก พล.อ.ประยุทธ์ ไปขอคะแนนเสียงก็แล้วกัน ถามว่าใครจะไปหาเสียงด้วยการชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ในครั้งหน้าอีก หรือถ้าแน่จริงก็ถ่ายรูปยืนคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ปักไว้ในพื้นที่ฐานเสียงของแต่ละคน แต่เชื่อเถอะคิดหนัก!
ดังนั้น ไม่ว่าวันที่ 30 ก.ย.นี้ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกหัว หรือออกก้อย แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้อยู่ใน “สมการ” ทางการเมืองไทยอีกต่อไปแล้ว!!!
เสือออนไลน์