สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ เกาะติดสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะ ”การจัดตั้งรัฐบาล บิ๊กตู่ 2” ผ่านมา 100 วันหลังการเลือกตั้ง ยังตั้งรัฐบาลไม่ได้ นักการเมืองแย่งเก้าอี้กันอุตลุด!
ล่าสุด ”บรรยง พงษ์พานิช” อดีตกรรมการ ในคณะกรรมการนโยบายกำกับรัฐวิสาหกิจ (คนร.) และนักบริหารที่มีชื่อเสียง ได้โพสต์เฟสบุ๊คถึงการจัดตั้งรัฐบาลและการแย่งโควต้าตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ในหัวข้อ ”ความวุ่นวายในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี” (ลงวันที่ 2 ก.ค. 2562)
สำนักข่าวเนตรทิพย์ฯ เห็นว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังในบางแง่มุมในการชิงไหวชิงพริบในทางการเมือง ที่น่าสนใจ จึงขออนุญาตเผยแพร่สู่สาธารณะ ตามรายละเอียดต่อไปนี้..
..อ่านข่าวความวุ่นวายในพรรค พปชร. ซึ่งเป็นพรรคแกนนำในการตั้งรัฐบาลสืบทอดฯ แล้วทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวสองเรื่องขึ้นมา
เรื่องแรก… เมื่อตอนประกาศจัดตั้งพรรค พปชร.ใหม่ๆ เมื่อปีกว่าที่แล้ว ผมบังเอิญได้พบกับรัฐมนตรีคนหนึ่งใน ”สี่กุมาร” ที่คุ้นเคยกันมานานเลยได้สนทนากัน…
เตา: “รู้จักกันร่วมยี่สิบปี ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะมาทำงานการเมืองได้” …
ท่าน รมต.:”พี่ต้องเข้าใจผมนะ ที่ผมต้องยอมเสียสละ เพราะไม่อย่างนั้น พวกคนไม่ดีอาจจะกลับเข้ามามีอำนาจอีก …
เตา: ”ยังไงพวกเค้าก็กลับมาแน่ๆ นี่ครับ ก็ท่านเล่นกวาดมาตั้งครึ่งนึงแล้ว … :นี่ถ้าท่านดูดคุณ ฉ. กับเจ๊ด มาได้ อีกฝ่ายจะดูขาวขึ้นมาเลยนะครับ” …
แล้วท่านก็เดินจากไป
ยุติบทสนทนาในวันนั้น
เรื่องที่สอง…ถ้ามาพิจารณาประเด็นที่มีปัญหา นอกจากเรื่องจำนวนโควตาแล้ว เรื่องสำคัญยังเป็นเรื่องจะให้นั่งกระทรวงอะไร เกรดเอหรือเปล่า โดยเฉพาะระหว่าง กท.พลังงาน กับ กท.อุตสาหกรรม ซึ่งถ้ามองย้อนก็จะเห็นเป็นเรื่องตลก เพราะดั้งเดิมเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว กท.อุตสาหกรรม เคยเป็นเกรดเอมาก่อน ซึ่งท่าน ส. ที่เป็นประเด็นก็เคยนั่งมาก่อนใน ครม. ทักษิณ 1 ปี 2544 ซึ่งก็ทำให้ท่านสะสมผลงานบารมีได้มากมาย จนพอปรับ ครม.ปีถัดมา ท่านก็สามารถขยับฐานะไปกระซวกกระทรวงเกรดซุปเปอร์เอ คือ คมนาคม แย่งมาจากท่านวันนอร์ได้สำเร็จ…
ส่วนกระทรวงพลังงานนั้น เพิ่งจะตั้งเมื่อปี 2545 ซึ่งท่านเองไม่เคยได้มานั่งสักครั้ง ที่ว่าถนัดงานด้านพลังงานมากกว่า วัดจากอะไรไม่ทราบ
ถ้าจะว่าไป …กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกระทรวงใหญ่เก่าแก่ งบประมาณ อำนาจและบทบาทก็มากกว่า ในขณะที่กระทรวงพลังงานเล็กนิดเดียว งบประมาณโดยตรงค่อนข้างน้อย ข้าราชการก็ไม่กี่คน แถมระบบพลังงานของไทยใช้ระบบตลาดนำเป็นหลักมาแต่ไหนแต่ไร รัฐมีหน้าที่ควบคุมให้ตลาดทำหน้าที่ได้ดี กับแทรกแซง (ผ่านกองทุนฯ) ไม่ให้มีความผันผวนเกินควรเท่านั้น …:
แล้วเขาแย่งอะไรกันล่ะครับ แย่งกันเอาเป็นเอาตายเพื่อมาทำความดีตามถนัดหรือครับ ?
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ…เมื่อคราวตั้งกระทรวงพลังงาน เมื่อ 2545 มีการย้ายรัฐวิสาหกิจสำคัญสองแห่ง คือ ปตท. จาก กท.อุตสาหกรรม และ กฟผ. จากสำนักนายกฯ ให้มาขึ้นกับกระทรวงพลังงาน ซึ่งหมายความถึง รมต. สามารถกำกับดูแล ให้นโยบาย รวมทั้งตั้งกรรมการส่วนใหญ่ ซึ่งแปลง่ายๆ ว่า แทรกแซงได้เต็มที่ ซึ่งรัฐวิสาหกิจสองแห่งนี้ถือเป็นแหล่งผลประโยชน์มหาศาล มีธุรกิจกว้างขวางใหญ่โต ค้าขายกับเอกชนมากมาย (ลองคิดดูว่ามหาเศรษฐีแสนล้านกี่คนที่ร่ำรวยจากการขายไฟฟ้าให้ กฟผ.) ...
นี่ตามนโยบายเริ่มแรก จะต้องมีการย้าย กฟน. และ กฟภ. มาสังกัดด้วย แต่บังเอิญกระทรวงมหาดไทยเตะถ่วงไม่ยอมให้ดำเนินการ (“ก็พลังงานมี รมต.แค่คนเดียว มหาดไทย มี รมช. ตั้งสามคน แบ่งๆ กันบ้างสิ “ …อดีต รมต.มหาดไทย คนหนึ่งเคยให้เหตุผลแบบตรงไปตรงมากับผมอย่างนี้จริงๆ)
นี่ถ้าพี่รองยอมปล่อยในคราวนี้ พลังงานต้องพุ่งขึ้นเป็นกระทรวงเกรดเอบวก แย่งทึ้งกันยิ่งกว่านี้อีกแน่ๆ …เห็นแล้วยังครับ ว่า เขาแย่งกันทำงานหรือแย่งอะไรกัน
จากเรื่องที่สองนี้ ทำให้ผมระลึกถึงแผนปฏิรูปการบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจ ที่ซุปเปอร์บอร์ดชุดที่ผมร่วมด้วยเคยเสนอที่จะเปลี่ยนจากให้เจ้ากระทรวงจัดการครอบครองเสมือนเป็นสมบัติส่วนตัวมาให้มีการจัดการอย่างโปร่งใส ใช้กระบวนการบรรษัทภิบาลแบบตลาด (Market Governance) เข้าดูแลแทนนักการเมือง ซึ่งถ้าทำสำเร็จ รัฐวิสาหกิจทั้งหลายจะได้มาให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ไม่รั่วไหล เป็นสมบัติชาติอย่างแท้จริง ไม่ใช่สมบัติของนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชนที่รุมทึ้งกันอยู่เช่นทุกวันนี้..
ซึ่งแผนทั้งหลายที่ว่านั้น ทำเป็นกฎหมายผ่าน ครม. เข้า สนช. เรียบร้อยแล้ว เสียดายที่ถูกเหล่าคนดีรุมยำเสียจนผิดรูปร่างไปหมด แถม คสช. ก็ขาดความจริงใจและจริงจังที่จะผลักดันให้สำเร็จ ผมเลยทำงานฟรีไปสองปีครึ่ง ได้แค่ประสบการณ์กับได้ชื่อว่าพยายามแล้ว …ซึ่งถ้าแผนทั้งหมดสำเร็จด้วยดี รับรองว่ากระทรวงพลังงานจะกลายเป็นกระทรวงเกรดซี ที่นักล่าบุฟเฟ่ต์ทั้งหลายคงเลิกสนใจ สร้างความสามัคคีในพรรคได้เป็นอย่างดี …เห็นไหมครับ ปวดหัวเพราะไม่เชื่อผมแท้ๆเทียว
ขอให้โชคดี…จัดตั้งรัฐบาลคนดีได้เร็วๆ และขอเป็นกำลังใจให้ผู้บริหารดีๆ ของ ปตท. กฟผ. และข้าราชการที่ดีของกระทรวงพลังงานทุกคนครับ