กระแสลงทุนสินทรัพย์หรูหรา (Luxury) ในเอเชียรวมทั้งไทย มาแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง “เพชร-นาฬิกา-กระเป๋าแบรนด์เนม-ไวน์-ซิงเกิ้ลมอลต์วิสกี้ และงานศิลปะ”โดยเฉพาะงานศิลปะ ว่ากันว่าแถบเอเชีย ความนิยมลงทุนมาแรง แซงการเก็งกำไรไวน์ รวมทั้งในไทยเตรียมเปิดศูนย์บริหารงานศิลปะครบวงจร ย่านใจกลางเมืองที่สยามสแควร์ ให้บริการพื้นที่จัดเก็บภาพของนักสะสม บริการดูแลงานไม่ให้สีซีด ขึ้นรา โดนปลวกกิน มีพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน และพื้นที่คอมมูนิตี้จัดเสวนางานศิลปะผู้รู้แนะนำว่า การซื้องานศิลปะเพื่อลงทุนเป็นสินทรัพย์เช่นภาพเขียน นักสะสมนอกจากมองคุณค่าทางใจที่จะแปลงเป็นมูลค่าแล้ว จะต้องซื้อประกันความเสียหายสินทรัพย์ ต้องบำรุงรักษา ต้องจ่ายเงินก้อนดูแลให้ภาพนั้นปลอดภัย ค่าใช้จ่ายดังกล่าวอาจทำให้รายได้ ที่หวังจากการจัดแสดงภาพเก็บตั๋วเข้าชมหรือเก็บค่าสิทธิ์ในการใช้ภาพไม่คุ้มค่า ส่วนการตั้งราคาผู้เชี่ยวชาญจะตั้งราคาเท่าไหร่ก็ได้ แต่นักลงทุนจะรู้ราคางานศิลปะ ก็ตอนเคาะราคาขายเท่านั้น รวมทั้งการเปลี่ยนมือซื้อขายเฉลี่ยจะนานอยู่ที่ชิ้นละประมาณ 7 ปีสำหรับข้อดีของการลงทุนในงานศิลปะ คือ สามารถสร้างมูลค่าผ่านคุณค่าตามความชื่นชอบความนิยมของผู้สะสม ศิลปินคนไหนสร้างคุณค่างานต่อเนื่อง จะทำให้มูลค่าสูง หากศิลปินมีชื่อเสียงขึ้นได้รับรางวัลมากขึ้น หรือเสียชีวิต มูลค่าของงานศิลปะแนวโน้มราคาจะเพิ่มได้เป็นเท่าตัว ขณะที่ผลกระทบจากเศรษฐกิจตกต่ำ แทบไม่กระทบสินทรัพย์งานศิลปะ เพราะผู้ซื้อเป็นกลุ่มมีเงินซื้อจากคุณค่าทางใจ และงานศิลปะที่เป็นของศิลปินชิ้นเอกชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ยังเป็นที่ต้องการของพิพิธภัณฑ์ที่เปิดใหม่ทั่วโลก ต้องการลงทุนซื้อไปจัดแสดงด้านข้อเสีย..”สินทรัพย์ประเภทงานศิลปะ สภาพคล่องต่ำ ไม่สามารถแบ่งขายได้” เช่น งานภาพเขียนของแวนโก๊ะราคา 15 ล้านเหรียญสหรัฐ ภาพนั้นไม่สามารถแบ่งขายเป็นสามชิ้นราคาชิ้นละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐได้ กลุ่มผู้สนใจซื้องานศิลปะสะสมอยู่ในวงแคบ ถ้าจำเป็นร้อนเงินต้องรีบขาย จะต้องขายลดราคาลงมาก อาจต้องหั่นราคาลงถึงหนึ่งในสามรวมทั้งกระบวนการขายต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนกว่าจะได้เงิน พร้อมทั้งค่านายหน้าสูงอันดับต้นๆ ของการซื้อขายสินทรัพย์ประเภทอื่นดังนั้น การลงทุนสินทรัพย์เฉพาะทาง สินทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ จึงต้องหาความรู้และเข้าใจ มากกว่าสินทรัพย์ทั่วไปในตลาดหุ้น กองทุนต่างๆ อสังหาริมทรัพย์ สินค้าโภคภัณฑ์อื่น เช่น น้ำมัน ทองคำ ที่สำคัญหากมีโมเดลกระจายความเสี่ยงหรือทำให้ความเสี่ยงต่ำ แต่ผลตอบแทนยังสูงได้ ไม่ต้องเข้ากฎยิ่งเสี่ยงสูงยิ่งกำไรมาก (High Risk High Return) ได้ ก็จะเป็นสิ่งที่น่าลงทุนมากอย่างการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ที่มีโมเดลกระจายเสี่ยงด้วยการลงทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโดมิเนียม ทำเลดีอยู่แนวรถไฟฟ้า ทั้งโครงการมี 100 ห้อง ราคาห้องละ 30 ล้านบาท ถ้าลงทุนซื้อ 1 ห้องจะต้องใช้เงิน 30 ล้านบาท เมื่อมีกองทุนหนึ่งตั้งขึ้นมาซื้อโครงการคอนโดฯนี้ทั้งโครงการ 3,000 ล้านบาท นักลงทุนอาจเลือกวิธีซื้อกองทุนนี้ไว้หนึ่งหน่วยซึ่งใช้เงิน 30 ล้านบาทเท่ากัน โมเดลนี้จะช่วยกระจายเสี่ยงหรือทำให้การลงทุนเสี่ยงต่ำลงบนผลตอบแทนที่เท่ากับหรือมากว่าซื้อคอนโดฯโดยตรงทั้งนี้เพราะถ้าห้องที่ซื้อไว้ปล่อยเช่า ไม่มีคนเช่า ก็ต้องควักทุนจ่ายค่าผ่อนเอง ถ้าห้องชำรุดท่อแตก ไฟฟ้าดับ ต้องจ่ายเงินซ่อมเอง หรือถ้าห้องที่ซื้อไว้โดนอาคารอื่นขึ้นมาบังวิวทัศนียภาพเปลี่ยน ราคาก็จะร่วงลงไป แต่ถ้าซื้อกองทุนที่ไปซื้โครงการจะมีอีก 99 ห้องมาช่วยกระจายความเสี่ยง หากไม่มีใครมาเช่า ถ้าอีก 99 ห้องมีคนเช่าก็ยังมีรายได้ รวมไปถึงการซ่อมแซม และราคาห้องที่อาจร่วงหนักหากทัศนะวิสัยแย่ แต่ทางกลับกันหากเลือกห้องได้ทำเลดีราคาก็อาจจะพุ่งกว่าอีก 99 ห้องกำไรกว่าห้องอื่นในโครงการก็ได้เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้ามีมีความรู้และหาโมเดลที่บริหารความเสี่ยงให้กระจายหรือต่ำลงโดยผลตอบแทนยังสูงอยู่ได้ กระแสการลงทุนสินทรัพย์ลักซ์ชัวรี่ที่กำลังมาแรงในแถบเอเชียรวมทั้งไทย ก็นับเป็นอีกโอกาสที่จะสร้างความมั่งคั่งให้ได้..โดย คนฝั่งธนฯ