ดร.พีระพงษ์ ไพรินทร์ อดีตคนเคยทำงานในสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) พูดเกี่ยวกับการถือหุ้นไอทีวี ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งเรื่องราวดราม่าว่า มีขบวนการ “ไอ้โม่ง” มีความพยายามจะปลุกผีคืนชีพ “ไอทีวี” ให้กลับมาเป็นสื่ออีกครั้ง เพื่อเล่นงานทางการเมืองกับนายพิธาดร.พีระพงษ์ บอกกับ “เสือออนไลน์” ว่า จะเถียงกันไปทำไม? หากไอทีวียังมีผู้ถือหุ้นและยังมีกำไร ? ในเมื่อ 1. งบการเงินปี 65 ก็มี 2. แบบส่งงบปี 65 ระบุประเภทสินค้าและบริการคือสื่อโฆษณาและผลประกอบการลงทุนก็มี 3. ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ รายน้อย มีครบหมด ดังนั้นก่อนยื่นสมัคร ส.ส. นายพิธาจะไม่รู้ทั้ง 3 เรื่องนี้มาก่อน มันจริงหรือ?นอกจากนี้ จะไม่มีใครถูกกล่าวหาว่าสมคบคิด หากนายพิธาโอนหุ้นไอทีวีออกไปก่อนสมัคร ส.ส.ช่วงต้นเดือนเม.ย.66ที่สำคัญยังมีการย้ำหัวตะปูออกมาจาก นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ว่าประเด็นการส่งงบการเงินของบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ที่เป็นข้อสงสัยของสังคมใน 3 ประเด็นนั้น ประเด็นแรก การนำส่งงบการเงินตามแบบ ส.บช.3 การจัดทำและการส่งงบการเงินของนิติบุคคลนั้น เป็นไปตาม พ.ร.บ. การบัญชี พ.ศ. 2543 ที่ได้กำหนดผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี ตามมาตรา 8 ต้องจัดทำงบการเงินและยื่นงบการเงินดังกล่าวต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยนิติบุคคลที่มีหน้าที่นำส่งงบการเงินต้องทำการกรอกข้อมูลในแบบนำส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) เช่น รอบปีงบการเงินที่นำส่ง รายละเอียดของกิจการ ชื่อ ที่ตั้ง ข้อมูลผู้ทำบัญชี ซึ่งการนำส่งงบการเงินให้กับกรมฯ เป็นการแสดงถึงผลประกอบการและสถานะทางการเงินของนิติบุคคล เพื่อให้สาธารณชนและผู้เกี่ยวข้องได้ใช้ประโยชน์ ไม่ใช่การยื่นจดทะเบียนแต่อย่างใด ส่วนสถานะของ บมจ.ไอทีวี ปัจจุบันมีสถานะยังดำเนินกิจการอยู่ ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสถานะอื่นใด เช่น จดทะเบียนเลิก พิทักษ์ทรัพย์ ล้มละลาย หรือถูกขีดชื่อออกจากทะเบียน เป็นต้น ดังนั้นจึงเป็นการบอกว่านิติบุคคลได้ถูกจัดตั้ง และมีตัวตนอยู่ตามกฎหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่านิติบุคคลนั้นมีการทำกิจการหรือประกอบกิจการทางการค้าใดในความเป็นจริงอยู่หรือไม่ หากมีการประกอบกิจการในลักษณะใดจะแสดงข้อมูลผลการดำเนินการและฐานะการเงินในงบการเงินนั้น โดยหากเปรียบเทียบกับสถานะของบุคคล ก็เปรียบเสมือนบุคคลที่เกิดและยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งอาจจะทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้ สำหรับประเด็นรายงานการประชุมของบริษัทฯ การนำส่งสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีของบริษัทมหาชนจำกัดนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบการยื่นแจ้งงบการเงินประจำปีของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีและยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตาม พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ. 2543 ซึ่งจะทำให้ทราบว่า งบการเงินดังกล่าว ได้ผ่านการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นแล้ว ตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 127 ที่ระบุว่า บริษัทต้องจัดส่งรายงานประจำปี พร้อมกับสำเนางบดุลและบัญชีกำไรขาดทุน ที่ผู้สอบบัญชีได้ตรวจสอบและที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติแล้ว และสำเนารายงานประชุมผู้ถือหุ้นเฉพาะที่เกี่ยวกับการอนุมัติงบดุล การจัดสรรกำไร และแบ่งเงินปันผล โดยกรมฯ มีหน้าที่รับเอกสารตามที่นิติบุคคลได้ยื่นต่อกรมฯ นายทศพล กล่าวว่า หากพบว่ามีรายงานการประชุมในส่วนของวาระอื่น นอกเหนือจากที่กรมฯ ได้ระบุ และนอกเหนืออำนาจตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนฯ ที่อาจก่อให้เกิดข้อโต้แย้งใดแก่ผู้ถือหุ้นและบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทนั้นๆ อาจพิจารณาเป็นการดำเนินการเป็นการภายในของบริษัทที่จะต้องมีการตรวจสอบและชี้แจงต่อไป โดยกรมฯขอให้สาธารณชนสบายใจได้ว่า การดำเนินการของกรมฯ เป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด“เสือออนไลน์” ขีดเส้นใต้ไว้ในช่วงที่ว่า หากเปรียบเทียบ (ไอทีวี) กับสถานะของบุคคล ก็เปรียบเสมือนบุคคลที่เกิดและยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งอาจจะทำงานหรือไม่ทำงานก็ได้ เมื่อพยานปากเอก คือ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชี้แจงแบบนี้ก็น่าจะพอทายได้ว่าภาพยนต์เรื่องนี้จะจบอย่างไร?เสือออนไลน์