เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ร่วมกับ เครือข่ายสื่อมวลชนขับเคลื่อนสุขภาวะเพื่อสังคมไทยยั่งยืน (สสสย.) ได้จัดเวทีระดมความเห็นว่าด้วย “ปัญหาจากนโยบายขยายเวลาจำหน่ายสุรา” หลังจาก “รัฐบาลเศรษฐา” ได้ขยายเวลาเปิดผับ บาร์ และสถานบันเทิงได้ถึงตี 4 ในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยก่อนเข้าสู่การเสวนา ได้มีการเปิดคลิปข่าวความสูญเสีย “น้องทู” ด.ช.วีรยุทธ จินดาแดง หรือ “เด็กชายจิตอาสา” สนับสนุนกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ้ง วัย 13 ปี ที่ต้องจบชีวิตลง ขณะช่วยงานกู้ภัยเพราะคนเมาแล้วขับ
นายอภิวัชร์ เกตุทัต ประธานมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) กล่าวถึงวัตถุประสงค์การประชุมครั้งนี้ว่า นโยบายขยายเวลาให้กับสถานบริการ ถือเป็นเรื่องที่ มสส. รู้สึกห่วงใยต่อผลกระทบที่จะมีตามมา โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดขึ้นจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือการทะเลาะวิวาทจากการดื่มสุรา รวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครกู้ภัยต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้นและหนักขึ้น จำเป็นที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะสื่อมวลชนหลักจะต้องช่วยกันสะท้อนปัญหา พร้อมกับเสนอแนะและหาทางออกในเรื่องนี้
ด้าน นายชูวิทย์ จันทรส ผู้ประสานงานเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า เหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากปัญหา “เมาแล้วขับ” ส่วนใหญ่จะถูกกดทับจากผู้กระทำผิด ทั้งนี้ หากผู้กระทำผิดเป็นผู้มีอิทธิพล มีอำนาจเงินและเชื่อมต่อกับอำนาจรัฐ เหยื่อเหล่านั้นจะยิ่งถูกกดทับกันไปใหญ่ กรณีของ “น้องทู” พบว่า ผู้กระทำผิดจ่ายเงินเยียวยาให้กับครอบครัว “น้องทู” เพียงน้อยนิด และระหว่างงานสวดพระอภิธรรมฯ ไม่ปรากฎร่างของผู้กระทำผิดแต่อย่างใด ที่ผ่านมามีเพียงอดีตภรรยาที่เลิกรากันไป และลูกมาร่วมฟังสวดพระอภิธรรมเท่านั้น
จากการที่ “เหยื่อ” ต้องมาเจอกับนโยบายรัฐบาลเช่นนี้ มันจึงไม่ต่างจากการถูกระทำซ้ำเติม เสมือนเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับ “เหยื่อ” มากยิ่งขึ้น นับเป็นเรื่องที่สะเทือนใจมากๆ ส่วนตัวเชื่อว่า เรื่องความพยายามที่จะผลักดันให้มีการเปิดสุราเสรีไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีความพยายามมาโดยตลอด โดยเฉพาะการใส่ชุดแนวคิดดังกล่าวไปให้น้องๆ เยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวและเรียกร้อง กระทั่งขยายผลไปถึงการเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายการเปิดเสรีสุรากันเลย
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากลุ่มต่อต้านยังพอจะต้านทานอยู่ กระนั้นความพยายามรอบใหม่ คนกลุ่มนี้เริ่มเป็นงาน มีการปรับตัวและดำเนินการเหมือนฝ่ายต่อต้านทุกอย่าง โดยมีกลุ่มธุรกิจสุราต่างประเทศอยู่เบื้องหลัง ถือเป็นการงานยากของฝ่ายต่อต้าน เนื่องจากพวกเขามีการสร้างเครือข่ายและความเคลื่อนไหวต่อเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ พยายามสื่อว่า “ขายเหล้าได้” โดยไม่สร้างผลกระทบใดๆ และเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่ ก็พยายามเข้าหา “เบอร์ 1” คือ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่มีมุมมองในเชิงเศรษฐกิจเป็นหลัก พอ “เบอร์ 1” ซื้อ เบอร์รองๆ ก็ต้องขยับตาม
รศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ แซ่โง้ว ผอ.สถาบันส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมสู่ความเป็นเลิศ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า จากงานวิจัยในต่างประเทศ พบบทเรียนที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะในประเทศออสเตรเลีย นอร์เวย์ หรือในฮอลแลนด์ ที่มักมีปัญหาคล้ายๆ กัน กล่าวคือ จากการขยายเวลาการจำหน่ายสุราเพียง 1 ชั่วโมง พบว่า เกิดปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาทหรืออุบัติเหตุ ที่มีเพิ่มขึ้น 15-30% สำหรับ ในประเทศไทย หากมีการขยายเวลาการเปิดสถานบริการเป็นตี 4 เชื่อว่าจะส่งผลกระทบตามมาต่อผู้คนที่ใช้ชีวิตตามปกติในเช้าวันรุ่งขึ้น เนื่องจากข้อมูลสถิติพบว่า มักจะเกิดอุบัติหลังจากหยุดดื่มสุราในอีก 3 ชั่วโมงต่อมา ซึ่งจะกลายเป็นความเสี่ยงต่อผู้คนที่เดินทางไปทำงาน เด็กๆ ไปโรงเรียน พ่อค้าแม่ค้าที่ค้าขาย
“ปัจจุบันที่มีการห้ามจำหน่ายสุราในช่วงเวลา 14.00 – 17.00 น. เพราะหากปล่อยให้มีการจำหน่ายและดื่มสุราในช่วงเวลาดังกล่าว ก็อาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนที่ไม่ต่างจากช่วงเช้า กระนั้น ก็มีความพยายามที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามจำหน่ายสุราในช่วงนี้” รศ.ดร.นพ.อุดมศักดิ์ ระบุ
ขณะที่ นายธีระ วัชรปราณี ที่ปรึกษาภาคีป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ภปค.) กล่าวถึงการแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 ระหว่างฝ่ายรณรงค์กับฝ่ายสุราเสรีว่า นับตั้งแต่ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ประกาศใช้ 16 ปี พบว่า สถิติอุบัติเหตุนับตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2565 ที่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ ช่วงเทศกาลปีใหม่ ลดลง 12.2% ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ลดลง 9.5% นับเป็นมาตรการควบคุมฯ ที่พิสูจน์ว่าได้ผลจริงในการลดปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
“ในวันที่ 9 มี.ค.นี้ จะมีการนำเสนอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ ระหว่างฝ่ายที่ต้องการให้เปิดสุราเสรีกับฝ่ายของเราที่ต้องการรณรงค์ต่อต้านการผลิตและจำหน่ายแบบเสรี เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร วาระ 1 ซึ่งเรายอมรับว่าหนักใจ หาก ส.ส.ในสภาเลือกที่จะรับร่างกฎหมายของฝ่ายที่ต้องการเปิดเสรี ซึ่งจะถือเป็นปัญหาที่หนักมาก
อย่างไรก็ตาม เรายังมีความหวังว่า ส.ส. จะมองเห็นมหันตภัยหากปล่อยให้มีการผลิตและขายสุรากันอย่างเสรี แม้กระทั่งหลายประเทศในยุโรปก็ไม่ได้เปิดให้ขายอย่างเสรีแบบที่บางฝ่ายอยากทำ ยกตัวอย่าง นอร์เวย์ ห้ามขายวันอาทิตย์ เท่ากับปีหนึ่งต้องหยุดขาย 52 วัน ขณะที่บ้านเราห้ามขายเฉพาะวันพระใหญ่ 5 วันเท่านั้น ยังพยายามจะยกเลิก ซึ่งหากกฎหมายเสรีผ่านการพิจารณาบังคับใช้ นอกจากจะซื้อสุราได้เกือบตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว เขายังต้องการให้ยกเลิกห้ามขายวันพระใหญ่อีกด้วย ”
นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวสรุปในการเสวนาครั้งนี้ว่า ขอฝากไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะการให้ร้านจำหน่ายสุราจัดสร้าง “จุดพักคอย” หรือ “จัดคนขับรถ” ให้กับคนเมาสุราว่า ประเด็นเหล่านี้มันเพียงพอต่อการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้จริงไหม? ส่วนตัวเห็นว่ามาตรการดังกล่าวทำได้ยาก สะท้อนว่ารัฐบาลไม่ได้พิจารณาในเรื่องผลกระทบที่จะมีตามมา
ประเด็นที่ 2 เรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในภาคกลางคืน โดยเฉพาะจากการขยายเวลาจำหน่ายสุรา ข้อมูลก็ระบุชัดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นอันดับท้ายๆ ประเด็นที่ 3 รัฐธรรมนูญ มาตรา 58 การที่รัฐบาลอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการ ถ้าการนั้นมีผลกระทบกับสุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต หรือมีส่วนได้เสียใดๆ ของประชาชน ชุมชน และสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รัฐบาลต้องมีการศึกษาเพื่อประเมินผลกระทบ ซึ่งสามารถตั้งคำถามได้ว่า ก่อนที่รัฐบาลจะออกนโยบายหรือกฎกระทรวงใดๆ นั้น ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง?
ประเด็นที่ 4 การดูแลและคุ้มครองเด็กและเยาวชน รวมถึงสุภาพสตรีและครอบครัว ซึ่งถือเป็นประเด็นอ่อนไหวอย่างมาก หากมาตรการหรือนโยบายใดๆ ที่รัฐบาลประกาศออกมาแล้วส่งผลกระทบกับคนกลุ่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่พบว่า สุภาพสตรีหันมาดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น หรือเด็กหนีเที่ยวมากขึ้น สิ่งนี้หากรัฐบาลไม่สามารถควบคุมดูแลได้ ย่อมสะท้อนปัญหาที่รัฐบาลจะต้องปกป้องคนกลุ่มนี้ให้มากกว่านี้
ประเด็นที่ 5 เราพบว่า ธุรกิจแอลกอฮอล์มีการปรับตัวอย่างมาก โดยเฉพาะการออกมาขับเคลื่อนประเด็นสังคมที่มีการดำเนินการในแนวทางเดียวกับภาคีสังคมที่ต่อต้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ แต่มีความได้เปรียบมากกว่า เพราะยึดกุมขบวนการและเข้าถึงอำนาจรัฐ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี เข้าไปนั่งในส่วนการกำหนดนโยบาย เข้าไปนั่งในคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แสดงให้เห็นว่าธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีการปรับตัวเพื่อให้เข้าถึงผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของกฎหมายได้ ถือเป็นโจทย์ใหญ่ของสื่อมวลชนที่จะต้องการรับมือกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?
“เรื่องสุดท้าย หากเราไม่ทำอะไรกับเรื่องเหล่านี้ สิ่งที่เราเป็นห่วงทั้งในเรื่อง “มหาสงคราม” หรือ “พายุลูกใหญ่และสึนามิ” ที่กำลังซัดเข้าฝั่ง หากไม่มีการส่งสัญญาณเตือน เชื่อว่าจะเกิดความเสียหายในวงกว้าง จำเป็นจะต้องเบรกความคิดที่ฉับไวของนายกฯเศรษฐา ครม. และพรรคการเมืองที่สนับสนุนแนวคิดนี้ เพราะมีทั้งลดและเพิ่ม ลดคือลดภาษีสุรา, ไวน์ และสุราชุมชน ส่วนเพิ่ม คือ เพิ่มเวลาในการจำหน่ายมากขึ้น” นายวิเชษฐ์ กล่าวและว่า
ในวันเดียวกันเครือข่ายสื่อมวลชนขับเคลื่อนสุขภาวะเพื่อสังคมไทยยั่งยืน (สสสย.) ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ และรัฐบาลเพื่อขอให้ทบทวนนโยบายเวลาเปิดผับบาร์และสถานบันเทิงถึงตี 4 โดยยืนยันจากการติดตามการดำเนินนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มการดำเนินงานในขั้นต่อไปเชื่อว่า ผลกระทบจากการดำเนินนโยบายดังกล่าวๆ ได้ไม่คุ้มเสีย