รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กำลังดำเนินโครงการออกโฉนดในที่ดิน ส.ป.ก. ทั่วประเทศ จำนวน 22 ล้านไร่ โดยทยอยออกเป็น “โฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” (ครุฑเขียว) ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 57 เป็นต้นไป
นโยบายดังกล่าวทำให้ผู้คนที่ไม่ได้เป็นเกษตรกร แต่มีอำนาจ มีบารมี และมีเงิน จ้องกันตาเป็นมัน!
เนื่องจาก “โฉนดที่ดินเพื่อเกษตรกรรม” มีคุณค่าเพิ่มขึ้น มีราคาสูงกว่า ส.ป.ก. แล้วที่สำคัญ คือ สามารถซื้อ-ขาย-โอนเปลี่ยนมือได้..
โดยเฉพาะที่ดิน ส.ป.ก. ในย่าน อ.ปากช่อง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา บริเวณรอยต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และอุทยานแห่งชาติทับลาน เนื่องจากมีสภาพอากาศหนาวเย็น เหมาะสำหรับทำการเกษตร ปลูกบ้านพักตากอากาศ รวมทั้งทำกิจการโรงแรม-รีสอร์ต
นอกจากนี้ ถ้าเส้นทางมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา เสร็จและเปิดใช้ได้ตลอดเส้นทางในช่วงต้นปี 68 ยิ่งจะทำให้ที่ดินย่านปากช่อง-วังน้ำเขียว ราคาพุ่งกระฉูดขึ้น กลายเป็นทำเลทองมากขึ้นไปอีก
แต่ยังไม่ทันอะไรเลย! ก็มีมือมืดย่องเข้ามาปัก “หลักหมุดนิรนาม” เพื่อประกาศความเป็นอาณาจักรที่ดิน ส.ป.ก.4-01 จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ราวๆ 2,933 ไร่
ว่ากันว่า พื้นที่ตรงนี้อยู่บริเวณเหวปลากั้ง ต.หมูสี อ.ปากช่อง ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ตอนนี้กรณีดังกล่าวกำลังเกิดข้อพิพาทกันระหว่างสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดนครราชสีมา สังกัด ส.ป.ก. กระทรวงเกษตรฯ กับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ภายใต้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยทั้งสองกระทรวงนี้อยู่ในกำกับการดูแลของ “พรรคพลังประชารัฐ”
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ระบุว่า จากการลงพื้นที่ ได้มีการแจ้งดำเนินคดีไว้ เนื่องจากพบว่า เป็นบริเวณนั้นป่าโดยธรรมชาติ ถ้าเช็คจากภาพถ่ายทางอากาศ เมื่อ 10 ปีก่อน ยังไม่พบว่า มีการทำประโยชน์มาก่อน ลักษณะแปลงที่ดิน มีการเข้าไปปรับไถต้นไม้ทำเส้นทางและมีการปรับพื้นที่โล่งๆ ในบางส่วน มีหลักแนวเขตอุทยานที่ยังสมบูรณ์อยู่ และที่ถูกทำลายหักล้มลงจากการปรับทำถนน โดยพื้นที่ตรงนี้ เป็นพื้นที่ที่เราทำเป็นถนนตรวจการณ์ แสดงขอบเขตอุทยานไว้ด้วย
“สำหรับเรื่องหลักหมุดเจ้าปัญหา เจ้าหน้าที่ไปเจอเมื่อเดือน ม.ค. 67 หัวหน้าอุทยานฯ เขาใหญ่ได้คัดค้านฝ่าย ส.ป.ก. มาตั้งแต่แรก โดยมีการประสานไปยัง ส.ป.ก. แต่กลับไม่ยอมมาชี้แนวเขต ทำให้ต้องออกเอกสาร ก่อนนำเรื่องเข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ เพราะพื้นที่ดังกล่าวยังคงเป็นป่าสมบูรณ์ ไม่ใช่ป่าเสื่อมโทรม” นายอรรถพล กล่าว
ตอนนี้จึงมีเสียงเรียกร้องให้หน่วยงานกลาง คือ “ป.ป.ช. - กรมแผนที่ทหาร” รีบเข้ามาตรวจสอบปัญหาดังกล่าว ถ้าพื้นที่ตรงนั้นยังมีสภาพเป็นป่า ทาง ส.ป.ก. ต้องคืนพื้นที่ให้กับอุทยานฯ เขาใหญ่ ซึ่งเป็นธรรมปฏิบัติกันมานานแล้ว
นอกจากนี้ ยังต้องสอบสวนกราวรูดเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. นครราชสีมา-ช่างรังวัด-นิติกร ทั้งตัวใหญ่-ตัวเล็กด้วยว่าใคร? เข้ามาขอทำประโยชน์ในที่ดินหมุดเจ้าปัญหาดังกล่าว เป็นเกษตรกรจริงหรือไม่?
แต่ถ้าปกปิดรายชื่อ หรือไม่ได้เป็นเกษตรกรจริงๆ หรือว่าเจ้าหน้าที่ทำงานกันแบบชุ่ยๆ อาจมีความผิดตามมาตรา 157 แล้วต้องเด้ง เข้ากรุกันให้หมด!
ส่วน “ฝ่ายการเมือง” งานนี้หยิกเล็บ แต่เจ็บเนื้อ เพราะผู้ใหญ่ 2 กระทรวงอยู่พรรคเดียวกัน จะขยับไปทางไหน ย่อมมีคนกันเองเจ็บตัว!!
เสือออนไลน์