สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ หอการค้าอิตาลี (Unioncamere: the Italian Union of Chambers of Commerce, Industry, Crafts and Agriculture) จัดงาน Thai - Italian Business Forum เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยการสนับสนุนจาก H.E. Mr. Paolo Dionisi เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย และนายนฤตย์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พร้อมลงนาม MOU ของภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายเพื่อร่วมกันส่งเสริมการค้าการลงทุน การพัฒนาด้านดิจิทัลและความยั่งยืน
รวมถึงการพัฒนา SMEs ของประเทศไทยในอนาคต โดยการจัดงานดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมเปิดงาน พร้อมทั้งนำคณะผู้บริหารของกระทรวงคมนาคมนำเสนอแผนงานโครงการ Land Brides ให้ภาคเอกชนอิตาลีรับทราบ ด้าน BOI ได้มีการนำเสนอความพร้อมด้านสิทธิประโยชน์การลงทุนในประเทศไทยให้นักธุรกิจอิตาลีจากสาขาธุรกิจที่มีศักยภาพสูง อาทิ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและโลจิสติกส์ การก่อสร้าง พลังงานและเศรษฐกิจหมุนเวียน การบินและอวกาศ การเกษตร แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมมากกว่า 100 คน ขณะเดียวกัน พบว่าปัจจุบันมีภาคธุรกิจไทยเข้ามาลงทุนและทำธุรกิจที่อิตาลีจำนวนมาก อาทิ กลุ่มเซ็นทรัล (“La Rinascente”) กลุ่มไมเนอร์ (“NH Hotel”) กลุ่มไทยยูเนี่ยน (“Mareblu” ทูน่า) เป็นต้น
Mr. Andrea Prete ประธานหอการค้าอิตาลี กล่าวช่วงเปิดงานว่า MOU ระหว่างหอการค้าอิตาลีและไทย เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การพัฒนาความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ รวมถึงการส่งเสริมและแลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ ประสบการณ์ และอำนวยความสะดวกในการติดต่อระหว่างองค์กรด้วย โดยในแง่ขนาดเศรษฐกิจไทยมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งสามารถรองรับตลาดที่มีประชากรเกือบ 700 ล้านคน และยังเป็นเส้นทางในการเข้าถึงประเทศเศรษฐกิจอื่น ๆ ในเอเชียได้อย่างสะดวก โดยประเทศไทยมีประชากร 72 ล้านคนและมีอัตราการเติบโตของ GDP สูง (คาดการณ์ +2.8% ในปี 2567 และ +3.5% คาดการณ์ปี 2568) โดยในปี 2566 อิตาลี-ไทย มีมูลค่าการค้ามากกว่า 4,000 ล้านยูโร แบ่งเป็นการส่งออก 1.9 พันล้านยูโร และการนำเข้า 2.1 พันล้านยูโร โดยไทยส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น เครื่องจักร สิ่งทอและเสื้อผ้า คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น โดยทางเศรษฐกิจของประเทศอิตาลีนั้น มีสัดส่วนจาก SMEs มาก และทางหอการค้าอิตาลี มีประสบการณ์ที่พร้อมจะช่วยหอการค้าไทย ในการยกระดับ SMEs ในประเทศไทย
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับภารกิจสำคัญของการเยือนอิตาลีของภาคเอกชนไทยในครั้งนี้ นอกจากมาสนับสนุนรัฐบาลระหว่างการเยือนยุโรป คือการร่วมลงนาม MOU ระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กับหอการค้าอิตาลี โดยมีเนื้อหาสำคัญในการร่วมกันส่งเสริมการค้าการลงทุนการพัฒนาด้านดิจิทัลและความยั่งยืนในห่วงโซ่มูลค่าของสาขาธุรกิจต่าง ๆ การสร้างกรอบการค้าและอำนวยความสะดวกในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน รวมถึงการพัฒนา SMEs ของประเทศไทยในด้าน Food & Fashion โดยเฉพาะยกระดับผ้าไหมของไทยให้เป็นสินค้าที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ซึ่งจากการหารือ ทางอิตาลีพร้อมที่จะแชร์เทคนิคและเครื่องจักรในการพัฒนาคุณภาพผ้าไหมไทยให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะเปิดโอกาสให้ผ้าไหมไทยไปสู่ตลาดการออกแบบระดับโลกได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยทั้ง value chain ไหมไทย ตั้งแต่เกษตรกร ไปจนถึงนักออกแบบ
นอกจากนั้น ทางอิตาลีพร้อมที่จะช่วยในการสร้างแบรนด์ (Brand) และการสร้างคุณค่า (Value) ให้กับสินค้าไทย เช่น เซรามิกและเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งหอการค้าอิตาลียินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามาสนับสนุนไทยในส่วนนี้ โดยสภาหอการค้าฯ เชื่อว่า การลงนาม MOU ในครั้งนี้ จะนำมาสู่การยกระดับผู้ประกอบการและสินค้าไทยให้เป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน
นอกจากการลงนาม MOU นั้น ได้มีการจัดการประชุมในรูปแบบ Round Table เพื่อหารือเกี่ยวกับวิธีการทำงานร่วมกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ อาหาร แฟชั่น และไลฟ์สไตล์ และยังเป็นการเปิดโอกาสในการหารือระหว่างกันได้อย่างตรงไปตรงมา พร้อมทั้งเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีให้แน่นแฟ้นและมั่นคงมากยิ่งขึ้น
ซึ่งในงานนั้นมีทั้งหอการค้าอิตาลีในประเทศไทย ผู้แทนจาก Rinascente ห้างสรรพสินค้าที่กลุ่มเซ็นทรัลที่ลงทุนในอิตาลี และ Thai Union Frozen ร่วมขึ้นเวทีนำเสนอโอกาสของประเทศไทย โดยภายหลังจากจบการประชุมฯ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ พร้อมด้วย นายสนั่น อังอุบลกุล ยังได้หารือกับบริษัทชั้นนำของอิตาลีในการเข้ามาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ทั้งทางน้ำ ทางราง สะพาน รวมถึงการพัฒนาสนามบิน โดยสภาหอการค้าฯ พร้อมสนับสนุนภาครัฐเจรจา FTA Thai - EU ให้สำเร็จโดยเร็ว ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือในรูปแบบของ Team Thailand + ที่ทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างแท้จริง นอกจากนั้น ทางหอการค้าอิตาลีได้ให้เกียรติพาคณะฯจากประเทศไทย ชมหนึ่งในตึกประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญและมีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ที่เป็นสถานที่ประชุมและจัดงานในอดีตของอิตาลีด้วย
นายสนั่น กล่าวเสริมว่า ในช่วงเดือนมิถุนายน 2567 สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยังจะได้จัดคณะเข้าร่วมการประชุม Italian Thai Business Forum (ITBF) ครั้งที่ 9 ณ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ซึ่งถือเป็นเวทีของภาคธุรกิจและบริษัทชั้นนำที่ลงทุนใน 2 ประเทศ และเป็นสมาชิก ITBF จะได้เข้าร่วม โดยฝ่ายไทยมีนางสาวบุษบา จิราธิวัฒน์ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ นำคณะนักธุรกิจไทยไป และภาคธุรกิจของอิตาลีเข้าร่วม อาทิ Italmobiliare (Investment Company) Ducati (Automobile) ENI (Energy) Generalli (Insurance) Pirelli (Rubber &Tire) เป็นต้น เพื่อพบปะหารือและสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายให้เติบโตมากยิ่งขึ้นด้วย รวมถึงติดตาม เรื่องที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ MOU กันในครั้งนึ้ด้วย