นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัว รวมถึงสถานการณ์ราคาพลังงานที่ยังคงผันผวน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและระดับราคาสินค้าทั่วไปปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ทำให้มีกำไรลดลง และประสบปัญหาสภาพคล่อง ประกอบกับจากรายงานภาพรวมธนาคารพาณิชย์ ของธนาคารแห่งประเทศไทย ในไตรมาส 1 ปี 2567 สินเชื่อ SMEs หดตัวลงอย่างมากถึงร้อยละ 5.1 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการ SMEs ยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอสำหรับการดำเนินธุรกิจ
กระทรวงการคลังเล็งเห็นความจำเป็นในการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไป และผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มเป้าหมาย ทั้งในภาคการผลิต ภาคเกษตร และภาคบริการ รวมทั้งผู้ประกอบการ SMEs อื่น ๆ เช่น วิสาหกิจชุมชน สถาบันเกษตรกร สหกรณ์ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND ของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้เสนอมาตรการด้านการเงินจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND และ 2) โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 11 (โครงการ PGS ระยะที่ 11) ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2567 เห็นชอบ โดยมีสาระสำคัญของโครงการ ดังนี้
1) โครงการสินเชื่อ IGNITE THAILAND เพื่อสนับสนุนเงินทุนให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) ศูนย์กลางการท่องเที่ยว 2) ศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพ และ 3) ศูนย์กลางอาหาร โดยธนาคารออมสินสนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุด 10 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นร้อยละ 2.5 ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับสินเชื่อตามโครงการ อัตราค่าธรรมเนียมร้อยละ 1.75 ต่อปี โดยได้รับการยกเว้นยกเว้นค่าธรรมเนียมใน 2 ปีแรก และปีที่ 3 – 4 จ่ายค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.75 ต่อปี สามารถยื่นขอสินเชื่อได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
2) โครงการ PGS ระยะที่ 11 เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินผ่านกลไกการค้ำประกันของ บสย. และช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่สถาบันการเงินในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs รายใหม่ ผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มเปราะบาง และผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่รัฐบาลให้การสนับสนุน เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมตามวิสัยทัศน์ IGNITE THAILAND กลุ่มธุรกิจทางด้านสนับสนุนสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น โดย บสย. ค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อรายไม่เกิน 40 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกันไม่เกิน 10 ปี อัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อเฉลี่ยทั้งโครงการไม่เกินร้อยละ 1.75 ต่อปี บสย. จ่ายค่าประกันชดเชยตลอดโครงการเฉลี่ยทั้งโครงการไม่เกินร้อยละ 30 รับคำขอค้ำประกันสินเชื่อถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังให้ความสำคัญมากในการสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs อย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง 2 โครงการดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินอย่างเพียงพอสำหรับการพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของรัฐบาล ตลอดจนการปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้ในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
o ธนาคารออมสิน โทร. 02 299 8000 หรือสายด่วน 1115
o บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม โทร. 02 890 9999